ระบบการชำระเงินที่เราคุ้นเคยในรูปแบบเงินสด ที่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง พัฒนาสู่ระบบเครดิตที่ใช้บัตรในการใช้จ่าย แต่ในประเทศไทยเองก็ยังมีผู้ใช้งานบัตรเครดิตไม่ถึง 10% และเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เกิดนวัตกรรมการเงินที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกรรมให้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า หนึ่งในนั้นคือ เรื่องของ e-Wallet
(กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) ที่ได้ประสบความสำเร็จแล้วในหลายประเทศ กรณีที่เห็นได้ชัดอย่างในประเทศจีน ที่ Alipay เป็นช่องทางการชำระเงินหลักให้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยทางภาคเอกชน และสตาร์ทอัพก็มีการพัฒนาบริการเหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาครัฐที่ออกบริการพร้อมเพย์ เพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งต้องการทำให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ
ผู้ใช้งาน e-Wallet ในไทยยังเติบโต ผ่านการชำระเงินในร้านสะดวกซื้อ
จากรายงานของ Global Payment Report ปี 2016 พบว่า ค่าเฉลี่ยการใช้ e-Wallet ในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ปี 2015 อยู่ที่ 19.5% และในปี 2017 จะเพิ่มขึ้นเป็น 23% และมีการประมาณการมูลค่าการใช้ e-Wallet ในปี 2017 ว่า การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกอาจสูงถึง 41% หรือ 1,656,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศไทยกว่า 47 ล้านคน ประกอบกับเทคโนโลยี 4G ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระแสของ e-Wallet มาแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2015 ประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้งาน e-Wallet อยู่ 7.6%
อภินันท์ ดาบเพ็ชร ผู้ช่วยผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจ Wallet และ Wecard บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด ในเครือ แอสเซนด์ กรุ๊ป กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้งานบริการ e-Wallet ของคนไทยจะเติบโตไปใน 2 แนวทาง คือ 1. การโอนเงิน เนื่องจากมีพฤติกรรมการบอกต่อเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน e-Wallet และแนะนำจากการใช้งานจริง ซึ่งพฤติกรรมนี้จะสร้างสังคมในหมู่เพื่อนโดยมีการโอนเงินระหว่างกัน 2. การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งบริการที่ช่วยผลักดันจุดนี้คือการซื้อของในร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อที่รับชำระด้วย e-Wallet
“หลังจากที่เปิดบริการชำระเงินและซื้อสินค้าใน 7-eleven ความถี่ในการเปิดแอพฯ แต่ละวันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้พฤติกรรมการใช้งานที่ตามมา คือการโอนเงินระหว่างผู้ใช้ใน e-Wallet ซึ่งในขณะเดียวกันเราก็ยังรับชำระผ่าน Alipay เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะเขาใช้งานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว นอกจากนี้ ทรู มันนี่ ยังร่วมกับ Alipay เพื่อนำองค์ความรู้ จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ มาส่งเสริมเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และใช้เทคโนโลยีระดับสากลเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นไปในแนวทางเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง”
ฉบับที่ 218 เดือนกุมภาพันธ์ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ต้องใช้เงินสด
|
ผู้ให้บริการร่วมสนับสนุนการใช้งาน สร้าง Ecosystem ให้เกิดขึ้น
แม้ว่าบริการรับชำระเงินอย่าง Apple pay หรือ Android pay จะได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่ด้วยการใช้งาน NFC ในประเทศไทยที่ไม่ได้แพร่หลาย ทำให้ผู้เล่นทั้ง 2 ราย ไม่ได้เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนที่ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มดีที่สุดเป็นส่วนของ e-Wallet ที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 14 รายที่ไม่ใช่ธนาคาร แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ กลุ่มสตาร์ทอัพ และกลุ่มผู้ให้บริการต่างชาติ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายในการเข้าถึง e-Wallet มากยิ่งขึ้น
ทำให้เห็นได้ว่า ฝั่งผู้ให้บริการ e-Wallet เอง ก็มีการพัฒนา รวมถึงมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้คนหันมาใช้งานในส่วนนี้แทนการใช้เงินสด
โดยแม้ว่าในวงการผู้ให้บริการเองจะเป็นคู่แข่งในการแย่งชิงลูกค้า แต่เชื่อว่าทุกๆ รายต้องการสร้าง Ecosystem ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เชื่อมโยงระบบเกตเวย์ ทำให้การทำงานข้ามค่ายง่ายดายขึ้น
ในยุคของบัตรเครดิต เห็นได้ว่าร้านค้าต่างๆ ต้องมีเครื่อง EDC เพื่อรับชำระเงิน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง อาทิ บางเครื่องรับชำระแบบเจาะจงธนาคาร การต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวนมาก หรือบางเจ้าอาจจะคิดค่าเช่าเครื่องเพื่อใช้งานอีกด้วย ซึ่งทำให้หลายๆ ร้านค้าไม่รับการชำระด้วยบัตรเครดิต จะเสียโอกาสที่จะได้รับลูกค้ากลุ่มนี้ ตลาดของ e-Wallet ก็เช่นกัน เมื่อมีผู้ให้บริการที่มากขึ้น ระบบจัดการการเชื่อมโยง จึงเป็นส่วนที่สำคัญ
ไมเคิล เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่า 50% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน เคยใช้งาน Mobile Payments รูปแบบต่างๆ อยู่แล้ว ทำให้ทางบริษัทได้เปิดให้บริการ Digital Wallet Payment Gateway (การเชื่อมโยงระบบเกตเวย์กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) โดยตั้งเป้าพัฒนาระบบ Ecosystem ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตอนาคต ซึ่งระบบการทำงานนี้จะสามารถเชื่อมโยงการทำธุรกรรมออนไลน์ให้กับธนาคารต่างๆ
“ก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการรูปแบบเดียวกันจะอยู่ในส่วนของการชำระผ่านบัตรเครดิต แต่บริการของเราเจาะจงเฉพาะการทำงานผ่านโมบายล์ โดยจากระบบที่เรามีร่วมกับร้านค้าอยู่แล้วก็จะเพิ่มบริการรับชำระเงินลงไป ซึ่งร้านค้าก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม หรือร้านค้ารายย่อยเองที่ไม่ได้ต้องการมีเครื่องมือเพิ่มเติมก็สามารถสร้าง QR Code ได้ด้วยตัวเอง และให้ลูกค้าสแกนเพื่อชำระเงินก็ทำได้ โดยการทำงานทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ระบบคลาวด์ของ Microsoft Azure ปลอดภัยและความยืดหยุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ”
การทำงานรูปแบบ e-Money Switching
Digital Wallet Payment Gateway ของ บัซซี่บีส์
จะเป็นส่วนของ e-Money Switching คือ การทำงานรูปแบบของการเป็นตัวกลางในการชำระเงิน เช่นเดียวกับ Visa หรือ MasterCard โดยมีการเรียกเก็บเงินในจำนวนเล็กน้อย สามารถเชื่อมต่อทุกแบรนด์ ทุกธนาคารและทุกคนเข้าด้วยกันจากฐานลูกค้าเดิมที่เคยทำงานร่วมกัน
ในส่วนของ CRM เนื่องจากมีระบบการชำระเงินระบบแลกรับสินค้ารวมไว้ทุกรูปแบบแล้ว เช่น NFC, EDC, QR Code, Barcode, E-Coupon และระบบ Fulfilment หรือลูกค้ารายใหม่ก็สามารถใช้บริการนี้ได้เช่นกัน
การตื่นตัวในวงการ e-Wallet ดูจะคึกคักหลังจากมีร้านค้ารับการชำระเงินผ่านวิธีนี้มากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ข้อสำคัญคือ พฤติกรรมการใช้งานของคนไทย โดยแน่นอนว่าทุกๆ คนมีสมุดบัญชีที่สามารถผูกกับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่จะได้รับความนิยมการใช้งานเต็มรูปแบบเหมือนประเทศอื่นๆ หรือไม่ก็ยังคงต้องรอดูต่อไปในอนาคต