ทางรอดของแท็บเล็ต

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว iPad ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาบนโลกออนไลน์ไปอย่างถาวร มันช่วยอำนวยความสะดวกในการรับชมสื่อบันเทิงและการสร้างสรรค์เนื้อหาอย่างไม่รู้จบ มันฆ่า Flash ตายทั้งเป็น มันทำลายเน็ตบุ๊กจนไม่เหลือซาก มันตีตลาดโน้ตบุ๊กจนถอยร่นไม่เป็นท่า ทุกฝ่ายต่างยกย่องว่ามันคือสุดยอดนวัตกรรมปฏิวัติโลก และเป็นผลงานโบว์แดงชิ้นสุดท้ายจากมันสมองของ Steve Jobs ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจผู้ผลิตพัฒนาแท็บเล็ตลักษณะเดียวกันตามออกมามากมาย

1

อย่างไรก็ดี รายงานผลประกอบการของ Apple ประจำไตรมาสล่าสุดของปีงบประมาณ ค.ศ. 2015 ระบุว่า ยอดขายของ iPad ลดลงกว่าร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขาย iPhone คิดเป็นกว่า 51.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากรายรับทั้งหมด 74.6 พันล้านเหรียญ เท่ากับว่าเฉพาะยอดขาย iPhone อย่างเดียวก็คิดเป็นกว่าร้อยละ 68.61 ของรายรับทั้งหมด สำหรับส่วนแบ่งตลาดนั้นก็ลดลงอย่างน่าตกใจไม่แพ้กัน โดยในช่วงสองปีแรกที่ iPad เปิดตัวใหม่ มันสามารถทำส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตทั่วโลกได้มากกว่าร้อยละ 70 แต่รายงานจาก Strategy Analytics ที่เผยแพร่เมื่อปลายปีที่แล้วระบุว่า ส่วนแบ่งดังกล่าวลดลงเหลือเพียงร้อยละ 22 เท่านั้น!

มันเกิดอะไรขึ้น?
ยอดจำหน่าย iPhone ประจำไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 74.47 ล้านเครื่อง ยอดขายอันน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นได้เพราะ Apple สามารถเจรจาจำหน่ายสมาร์ทโฟนดังกล่าวกับเครือข่ายในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ และลูกค้า (โดยเฉพาะในเมืองธุรกิจ) มีกำลังซื้อสูง ที่น่าสนใจคือ ไม่เพียง iPhone เท่านั้นที่สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากขึ้น แต่ Mac ก็มียอดขายสูงขึ้นเช่นกัน โดยทำได้มากถึง 5.52 ล้านเครื่อง (เพิ่มขึ้นจาก 4.84 ล้านเครื่อง เมื่อปีที่แล้ว) คิดเป็นตัวเลขรายรับ 6.94 พันล้านเหรียญ ซึ่งตรงข้ามกับความเชื่อที่ว่า ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกำลังอยู่ในระหว่างขาลง โดย IDC คาดการณ์ว่า ตลาดพีซีจะรีบาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ Microsoft ปล่อย Windows 10 ออกสู่ตลาดในช่วงกลางปีนี้ เมื่อผู้บริโภคทำการอัพเกรดเครื่องเพื่อให้ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ได้อย่างลื่นไหล

หันกลับมาดูที่ตลาดแท็บเล็ตกันบ้าง ไม่เพียงแต่ Apple เท่านั้นที่ประสบปัญหายอดขายแท็บเล็ตลดลง แต่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Samsung ก็ประสบปัญหาเดียวกัน โดยรายงานล่าสุดพบว่า ยอดขายแท็บเล็ตของบริษัทลดลงกว่าร้อยละ 18.4 ในไตรมาสล่าสุด นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคิดว่า สาเหตุที่ยอดขายแท็บเล็ตแบรนด์ใหญ่ๆ ลดลงเป็นเพราะการเข้ามาตีตลาดของแท็บเล็ตราคาถูกจากประเทศจีน โดยเมื่อปลาย ค.ศ. 2013 ยอดขายแท็บเล็ตทั่วโลกอันดับที่ 5 ตกเป็นของ Lenovo แต่อีกสองไตรมาสถัดมาก็สามารถไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 รองจากสองแบรนด์หลักคือ Apple กับ Samsung โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นระหว่างไตรมาสดังกล่าวถึงร้อยละ 64.7 ส่วนในไตรมาสล่าสุดก็สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้กว่าร้อยละ 9.1 ซึ่งนับเป็นแท็บเล็ตแบรนด์เดียวในตลาดที่สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้

นอกจากการเข้ามาตีตลาดของแบรนด์จีนแล้ว ความนิยมของสมาร์ทโฟนจอใหญ่ อาทิ iPhone 6 Plus และ Samsung Galaxy Note ก็มีส่วนทำให้ยอดขายของแท็บเล็ตลดลงเช่นกัน โดยรายงานจาก IDC ระบุว่า ตั้งแต่กลาง ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา ยอดขายสมาร์ทโฟนจอใหญ่ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายแท็บเล็ตกลับเพิ่มขึ้นน้อยมาก หรือไม่เพิ่มเลย เพราะทุกวันนี้ฟังก์ชั่น ของสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตต่างเหมือนกันแทบทุกกระเบียดนิ้ว ผู้บริโภคคงหาเหตุผลที่จะซื้อแท็บเล็ตมาใช้ได้ยากในเมื่อสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือสามารถทำทุกอย่างได้เหมือนกัน ประเด็นนี้สอดคล้องกับรายงานของเว็บฯ ข่าวไอที Gigwire.com ที่ระบุว่า อัตราการใช้งาน iPad ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ iPhone 6/6 Plus เปิดตัว โดยผลการสำรวจดังกล่าว

Surface Pro 3 คือ แท็บเล็ตที่สามารถใช้งานได้เหมือนโน้ตบุ๊ก

Surface Pro 3 คือ แท็บเล็ตที่สามารถใช้งานได้เหมือนโน้ตบุ๊ก

ไม่เพียงแต่ Apple เท่านั้นที่ประสบปัญหายอดขายแท็บเล็ตลดลง แต่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Samsung ก็ประสบปัญหาเดียวกัน โดยรายงานล่าสุดพบว่า ยอดขายแท็บเล็ตของบริษัทลดลงกว่าร้อยละ 18.4 ในไตรมาสล่าสุด

พบว่า ในยุค iPhone 5S มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นเข้าถึงเว็บไซต์ร้อยละ 55 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 45 ใช้ iPad แต่เมื่อซีรี่ส์ iPhone 6 วางตลาดก็พบว่า กว่าร้อยละ 72 เป็นการเข้าถึงโดยใช้ iPhone 6 และ 6 Plus และที่เหลืออีกร้อยละ 28 เข้าถึงโดยใช้ iPad

หนทางแก้มือ
เมื่อยอดขายแท็บเล็ตของค่ายใหญ่ๆ ต่างพากันลดลงถ้วนหน้า ก็คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาทางรับมือ ในเกมนี้ Microsoft อาจได้เปรียบอยู่สักหน่อยที่อาจพอคิดได้ว่าสมาร์ทโฟนจอใหญ่คงมาแทนที่แท็บเล็ตสักวัน จึงได้ชิงพัฒนา Surface เรื่อยมาจนถึงรุ่นที่ 3 ที่สามารถใช้งานโน้ตบุ๊กได้อย่างเต็มรูปแบบด้วยระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยยอมเสียสละความเบาบางไปบ้าง แถมพ่วงมาด้วยปากกาสไตลัสที่สามารถใช้จดบันทึกบนหน้าจอได้เลยทันที

e197

ฉบับที่ 197 เดือนพฤษภาคม

กระเป๋าเงิน Virtual เชื่อมเศรษฐกิจดิจิตอล

อย่างไรก็ตาม แผนแก้เกมที่น่าจับตาที่สุดมาจาก Apple ที่มีข่าวลือหนาหูมากว่ากำลังซุ่มพัฒนาแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ขนาด 12.9 นิ้ว ซึ่งล่าสุดมีกำหนดเริ่มเดินสายการผลิตในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ทางบริษัทใช้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่เป็นประจำทุกปี โดยได้ผู้ผลิตจอพาแนลรายใหญ่อย่าง Sharp, Japan Display และ LG เป็นซับพลายเออร์หลัก

รายงานจาก BloombergBusiness ระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า กลุ่มเป้าหมายของ iPad จอยักษ์ดังกล่าวไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป แต่จะเป็นไปตามแผนที่ซีอีโอ Tim Cook ได้วางไว้ นั่นคือ มันจะเป็นหัวหอกในการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ Microsoft เป็นเจ้า ประเด็นนี้เห็นได้ชัดเจนจากการประกาศเป็นพันธมิตรกับ IBM เมื่อปีที่แล้ว เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์โมบายล์สำหรับกลุ่มธุรกิจ โดยเมื่อมีซอฟต์แวร์พร้อมก็หวังว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายแท็บเล็ตสำหรับลูกค้า องค์กรได้

3

แม้ว่ายอดขายแท็บเล็ตสำหรับตลาดผู้บริโภคจะลดลงเมื่อความนิยมสมาร์ทโฟนจอใหญ่เพิ่มมากขึ้น แต่ยอดขายในกลุ่มลูกค้าองค์กรกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายงานจาก HIS Technology ระบุว่า ยอดขายแท็บเล็ตในตลาดลูกค้าธุรกิจ สถาบัน และหน่วยงานของรัฐทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นไปเป็น 101 ล้านหน่วยภายใน ค.ศ. 2018 จากเพียง 19 ล้านหน่วยใน ค.ศ. 2013 ด้วยเหตุที่มันสามารถหยิบไปใช้ในงานลงพื้นที่ (Field Work) ได้อย่างสะดวก หรืออาจใช้แทนโน้ตบุ๊กได้เลยอย่างที่ Surface พยายามทำอยู่

สรุป
Steve Jobs เคยปรามาสคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลว่า เป็นเหมือนกับรถบรรทุกที่ใหญ่เทอะทะและนับวันจะล้าสมัย ส่วน iPad กลับเป็นเหมือนรถยนต์คันงามที่ใครก็อยากเป็นเจ้าของ แต่เขาคงลืมไปว่าในอนาคตอันใกล้จะมีสมาร์ทโฟนจะได้รับการพัฒนามากขึ้นจน สามารถใช้แทนแท็บเล็ต มันอาจเปรียบได้เป็นบิ๊กไบค์คันใหญ่สุดเท่ห์หรือมอเตอร์ไซต์เวสป้าสุดแนว แม้มันจะไม่ใช่รถยนต์เต็มตัว แต่ก็สะดวกต่อการใช้งานและเพียงพอกับความต้องการในชีวิตประจำวันทั่วไป มากกว่า

ยอดขายแท็บเล็ตในตลาดลูกค้าธุรกิจ สถาบัน และหน่วยงานของรัฐทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นไปเป็น 101 ล้านหน่วยภายใน ค.ศ. 2018 จากเพียง 19 ล้านหน่วยใน ค.ศ. 2013

แน่นอนว่า แต่ละค่ายย่อมไม่อยู่เฉย Microsoft อาจจับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ก่อนด้วยการพัฒนา Surface ให้ใช้งานแทนโน้ตบุ๊กได้ และสำหรับ Apple เองก็อาจหันไปตีตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ห่างเหินมานาน เช่นเดียวกับ Google ที่เปิดตัว Android for Work ซึ่งเป็นชุดแอพพลิเคชั่น Android ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย อาทิ Samsung, Lenovo และ Sony ทั้งหมดนี้จึงเห็นได้ชัดว่ากลุ่มองค์กรคือเป้าหมายต่อไปของแท็บเล็ตนั่นเอง

Contributor

falcon

falcon_mach_v

สรนาถ รัตนโรจน์มงคล

จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 48 และปริญญาโทจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รหัส 55 ปัจจุบันประกอบอาชีพที่ไม่เกี่ยวกับด้านไอที แต่ด้วยความชอบจึงได้มีงานเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ สามารถติดตามอ่านได้ที่ www.bitwiredblog.com และชมเว็บไซต์ผลงานภาพถ่ายได้ที่ http://iviewphoto.me

Facebook: sorranart

Website: ontechz.blogspot.com

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

  • VR-Virtual-Reality
    อนาคตของ VR

    ปีที่แล้วดูเหมือนจะเป็นปีแห่งการกำเนิดใหม่ของเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน หรือ VR (Virtual Reality) เพราะบรรดาผู้ผลิตต่างพร้อมใจกันวางจำหน่ายอุปกรณ์ VR กันอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น...

  • ยนตรกรรม อัจฉริยะ : นวัตกรรมที่น่าจับตา

    รถยนต์ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่แพ้สิ่งประดิษฐ์อื่น โดยเฉพาะเครื่องยนต์พลังงานต่ำและนวัตกรรมที่ช่วยให้การขับขี่มีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่อุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นของตลาดรถไฟฟ้าและรถไร้คนขับ เทคโนโลยีการควบคุมด้วยเสียง ตลอดจนโอกาสทางธุรกิจของบริการ “ไรด์แชร์ริ่ง”...

  • เทรนด์ไอที น่าจับตาแห่ง ปี 2560

    Sharing Economy มียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพียงแต่กฎหมายต้องไปด้วยกัน กระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศส่งผลอย่างใหญ่หลวงรอบด้าน...