ลาซาด้า แพลตฟอร์มช้อปปิ้งและพื้นที่ขายของออนไลน์อันดับ 1 ในประเทศไทย ให้บริการใน 6 ระเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ปัจจุบัน มีสินค้าให้เลือกมากกว่ากว่า 16 ล้านชิ้น จากร้านค้าผู้ประกอบการรายย่อยไปจนถึงแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังมีความก้าวหน้าทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดถึง 900 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสที่ 1 ถึงไตรมาสที่ 4 หลังจากที่ลาซาด้าได้พัฒนามาร์เก็ตเพลสสำหรับผู้ค้าออนไลน์กว่า 40,000 คน
อเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด
อีคอมเมิร์ซเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว จัดตั้งบริษัทดูแลการตลาดและผลิตภัณฑ์
อเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยปัจจุบันมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ จากอุตสาหกรรมค้าปลีก ทั้งนี้ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและการปิดให้บริการของ 4G ก็เชื่อได้ว่าจะสามารถผลักดันให้มีการเติบโต ทางด้านการแข่งขันผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะมุ่งเน้นไปในรูปแบบการค้าขายแบบร้านค้าขายไปยังผู้บริโภค (B2C – Business to Consumer) ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง และจะมีแบรนด์ต่างๆ เข้ามาอยู่ในตลาดมากขึ้นจากการเข้าสู่ออนไลน์ ซึ่งเม็ดเงินตรงนี้ก็จะสนับสนุนตลาดให้มูลค่าเพิ่มขึ้น
“อีคอมเมิร์ซเป็นพื้นที่สำหรับทุกคนตั้งแต่ผู้ประกอบการเล็กๆ ไปจนถึงแบรนด์ใหญ่ เราจะเห็นได้ว่า แบรนด์ต่างๆ มีการใช้เว็บไซต์และการลงทุนด้านดิจิทัลสูงขึ้น เพราะแนวโน้มทางนี้เติบโตอย่างแน่นอน สำหรับรายเล็กๆ เอง การค้าขายบนโลกออนไลน์ลงทุนน้อยและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่จะได้ช่วยขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซไปพร้อมๆ กัน”
ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่จะขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซมาจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุม ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคนิยมการซื้อสินค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากประหยัดเวลาและสะดวกกว่าการเดินเลือกซื้อ มีสินค้าที่หลากหลายครบวงจร ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ลาซาด้าจับตามองเป็นพิเศษคือ กลุ่มคนต่างจังหวัด เพราะยังมีพื้นที่วางขายสินค้าไม่ทั่วถึง และมีสินค้าให้เลือกน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร โดยสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดของลาซาด้าปัจจุบันมี 70 เปอร์เซ็นต็ แต่ก็เชื่อว่ายังสามารถขยายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เห็นได้ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการใช้งานอีคอมเมิร์ซ ลาซาด้าจึงมีการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งเสริมการตลาด จัดทำศูนย์กระจายสินค้า และเพิ่มเติมพันธมิตรทางธุรกิจ โดยล่าสุด มีการจัดตั้งบริษัท Lazada IHQ ในประเทศไทย เพื่อดูแลด้านการตลาด สร้างเสริมประสบการณ์ให้กับลูกค้า และดูแลผลิตภัณฑ์ โดยมองว่าการส่งเสริมศักยภาพต่างๆ นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างกลไกในการขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซ แต่ยังช่วยกระตุ้นด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดีด้วย
การเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ประกอบการสามารถดีไซน์และเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง โดยสามารถจัดการทั้งหมดได้ผ่านสมาร์ทโฟนที่เรียกว่า Shop-in-Shop ลงในแอพพลิเคชั่น เพื่อให้การดำเนินงานซื้อ-ขายมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
ส่งเสริม SMEs พัฒนาบริการ Shop-in-Shop
ลาซาด้า มีความต้องการผลักดันตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องและให้ความสำคัญกับบรรดาผู้ประกอบการทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวและความนิยมในการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยกลุ่ม SMEs คือเป้าหมายหลักที่ลาซาด้าต้องการผลักดันและให้ข้อมูล เพราะเชื่อว่าก่อนการเติบโตนั้น ต้องมีขั้นตอนต่างๆ ที่มากกว่า ผู้ประกอบการรายย่อยจะจัดการได้ จึงมีการจัดเวิร์กช้อป และส่งทีมงานเข้าไปช่วยในการจัดการช่วงแรก เพื่อสร้างกระบวนการในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพให้ทั้งผู้ประกอบการ รวมถึงการให้บริการของลาซาด้า และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเข้าถึงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศไทย ร่วมกับองค์กรที่ส่งเสริม SMEs ด้วย
ทั้งนี้ ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ประกอบการสามารถดีไซน์และเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง โดยสามารถจัดการทั้งหมดได้ผ่านสมาร์ทโฟนที่เรียกว่า Shop-in-Shop ลงในแอพพลิเคชั่น เพื่อให้การดำเนินงานซื้อ-ขายมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
 |
ฉบับที่ 207 เดือนมีนาคมแพลตฟอร์มต่อไปของอีคอมเมิร์ซ |
“การอำนวยความสะดวกให้กับคู่ค้าของเรา ทำให้จำเป็นต้องมีการจัดคลังสินค้าและขยายตามจุดต่างๆ ให้ทั่วถึง โดยในปีที่ผ่านมามีการลงทุนคลังสินค้าแห่งใหม่ เนื้อที่ 5,000 ตารางเมตร และเพิ่มคลังสินค้าย่อยกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าและใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการเก็บสินค้าในหมวดต่างๆ ที่คล้ายกันให้สะดวกต่อการจัดส่งมากที่สุด”
ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการในประเทศไทยมา 4 ปี ทำให้ลาซาด้ารู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากการช้อปปิ้งออนไลน์คือ สามารถส่งของได้อย่างรวดเร็ว จึงเพิ่มบริการ Fulfilment Center เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้าออนไลน์ โดยลาซาด้าจะทำหน้าที่เป็นคลังเก็บสินค้า ให้บริการแพ็คและจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคเพื่อลดเวลาและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจะทำให้สามารถจัดส่งสินค้าด่วนให้กับลูกค้าได้ภายในวันที่มีคำสั่งซื้อ หรือวันถัดไปได้ทันที โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50 บาท
ลูกค้าจะนิยมการชำระเงินปลายทางด้วยเงินสดมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะยังไม่เชื่อถือในการซื้อของออนไลน์
สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ด้วย helloPay
ความนิยมของการช้อปปิ้งออนไลน์ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา ลาซาด้ามีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 เปอร์เซ็นต์ และปีนี้จะเติบโตมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยพบว่ามียอดขายสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน 60 เปอร์เซ็นต์ และทางเว็บไซต์ 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
สินค้าที่ขายดีในประเทศไทย ได้แก่ สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ความงาม แฟชั่น และเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมมาจากสินค้าบางส่วนที่ไม่มีการนำเข้าในประเทศไทย ซึ่งเทรนด์ในปีนี้จะเป็นสินค้าประเภทกีฬา และยานยนต์ที่มีปัจจัยมาจากไลฟ์สไตล์ และกระแสการดูแลสุขภาพในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางลาซาด้าก็จะมีการจัดโปรโมชั่นให้กับสินค้าเหล่านี้ เพื่อเอาใจผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ ลูกค้าจะนิยมการชำระเงินปลายทางด้วยเงินสดมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะยังไม่เชื่อถือในการซื้อของออนไลน์ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นได้ชัดว่า มีการชำระเงินล่วงหน้ามากขึ้น ทำให้ลาซาด้านำบริการ helloPay ช่องทางการชำระเงินในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ภายใต้การดูแลของลาซาด้าเข้ามาให้บริการในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ 4 ต่อจากสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงินได้มากขึ้น
“พฤติกรรมด้านการใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย มีศักยภาพสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การเปิดรับการช้อปปิ้งออนไลน์เริ่มมีมากขึ้น ซึ่งเชื่อได้ว่าในอีก 5 ปี จะมีความก้าวหน้าอย่างแน่นอน ส่วนของลาซาด้าก็จะจัดกิจกรรม รวมทั้งพัฒนาคุณภาพการให้สินค้าและบริการให้มากขึ้น เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าใหม่เข้ามาใช้งาน และให้ลูกค้าเก่ายังคงเลือกช่องทางออนไลน์ในการช้อปปิ้ง” อเล็กแซนดรอ กล่าว
