การเริ่มต้น “เทคสตาร์ทอัพ” ในไทยเราจะเห็นจากในฝั่งของ ธุรกิจสื่อสารด้าน “ฟินเทค” ซะส่วนใหญ่ หรือในฝั่งของอสังหาริมทรัพย์ ที่เรียกว่า “พร็อพเทค” ให้เห็นกันแล้ว ล่าสุดธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง “เอสซีจี” ก็มาจับทางหนุนสตาร์ทอัพ ตั้ง AddVentures รูปแบบ Corporate Venture Capital หวังนำนวัตกรรมจากสตาร์ทอัพมาต่อยอดธุรกิจในเครือ
ยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน ยังสามารถการพลิกโฉมธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ทั่วโลก
ที่มาของ AddVenture และจะช่วยสตาร์ทอัพอย่างไร
AddVenture มาจากคำว่า Add คือบวก หรือเสริมเข้ามา ส่วน Ventures คือการลงทุน การจัดตั้งไม่ใช่แค่ลงทุนแต่บวกหลายๆ เรื่องให้สตาร์ทอัพด้วย ถ้าตัดตัว d ตัวที่ 2 ออก ก็ยังเดินไปด้วยกัน ผจญภัยไปด้วยกันจึงใช้ Add กลายเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว
การที่เอสซีจีจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนในเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ ปลายทางคือหาสิ่งที่จะตอบโจทย์ของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เนื่องจาก ธุรกิจหลักของเอสซีจีอยู่ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ซีเมนต์และวัสดุ บรรจุภัณฑ์ โลจิสติก เทรดดิ้ง และค้าปลีก ดังนั้น สตาร์ตอัพที่บริษัทจะเลือกเข้าไปลงทุนจึงอยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยและอาเซียน
สตาร์ทอัพที่เหมาะกับ AddVentures 3 กลุ่มหลักที่กำลังมองหา
1.Industrial ทุกอย่างเกี่ยวของกับโรงงาน หุ่นยนต์ และประหยัดพลังงาน
2.Enterprise ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับองค์กร อีคอมเมิร์ซ Omni channel AI AR/VR และ Blockchain
3.B2B เป็นสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Marketplace Platform
ทั้ง 3 กลุ่มจะถูกนำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรมให้ธุกิจของเอสซีจี ได้แก่ ซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เคมิคอลส์ แพคเกจจิ้ง
สิ่งที่ค้นพบในการทำงานสตาร์ทอัพมีสองแนวทางหลัก คือ การนำผลิตภัณฑ์ของสตาร์ทอัพเข้ามาใช้ เข้ามาต่อยอด เช่น การทำ Smart Home Solution นวัตกรรมที่สตาร์ทอัพคิดค้น สามารถต่อยอดได้อีก และสตาร์ทอัพมาใช้ข้อมูลที่เอสซีจีมีไปต่อยอด เพราะมีฐานข้อมูลของผู้บริโภคที่เป็นลูกค้า
ทั้งนี้ การจัดตั้ง AddVentures โดยมี ดร.จาชชัว แพส กรรมการผู้จัดการ AddVentures เป็นหัวเรือหลัก ถือเป็นอีกก้าวที่เอสซีจีจะได้ร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ กับกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีจุดเด่นในเรื่อง Spirit ของ Entrepreneurship และการสร้าง Innovation ที่ถือเป็น Outside-in innovation จากการมองในมุมของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เมื่อประกอบกับ Speed ในกระบวนการทำงานที่เรียกว่า Lean Startups รวมทั้งการใช้ Digital technology จึงทำให้ข้อจำกัดในการทำธุรกิจแบบเดิมหายไป
เป้าหมายที่ AddVentures สนใจลงทุน
ในการลงทุนของ AddVentures ได้เตรียมงบลงทุนไว้ 300-500 ล้านบาทต่อปี หรือ 2,000-3,000 ล้านบาท ใน 5 ปี โดยสตาร์ทอัพแต่ละรายจะได้รับเงินลงทุนเฉลี่ยครั้งละ 1-5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในปีนี้อาจจะรับอยู่ที่ 2-3 รายก่อน
จะไม่ได้สนับสนุนแค่ด้านการเงินให้แก่สตาร์ทอัพเท่านั้น แต่จะสนับสนุนทั้งองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงต่างๆ เครือข่ายลูกค้าของเอสซีจีที่มีอยู่ทั่วอาเซียน ตลอดจนทรัพยากรอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้สตาร์ทอัพเหล่านั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน ผ่านการทำงานร่วมกันกับสตาร์ทอัพอย่างใกล้ชิด
การที่ธุรกิจ Industrial นำเทคโนโลยีเข้าไป Disrupt โดยใช้นวัตกรรมจากสตาร์ทอัพเข้ามาทำให้เพิ่มสปีดในการเติบโตขึ้น จากเดิมที่เอสซีจีมีพนักงาน 50,000 คน มีแค่ 50,000 ความคิด แต่ตอนนี้เปิดกว้างรับอีกหลายพันล้านความคิดจากคนทั่วโลก เป็น Outside-in innovation มากขึ้น
สำหรับสตาร์ทอัพทั่วโลกที่สนใจร่วมงานกับ AddVentures สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.addventures.co.th และ facebook.com/AddVenturesbySCG หรือ LinkedIn: AddVentures by SCG