โดยเฉลี่ยแล้ว การจองโรงแรมที่พักของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเป็นการจองล่วงหน้าด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่าหนึ่งเดือน หรือประมาณ 36 วัน พร้อมกับระยะเวลาการเข้าพักโดยเฉลี่ยที่ 3 วัน
การจองข้อเสนอในรูปแบบแพ็กเกจ จึงเป็นวิธีการที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยว และช่วยสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งโดยไม่มีผลกระทบต่ออัตราการจองห้องพักแบบปกติ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เอ็กซ์พีเดีย สามารถจำหน่ายข้อเสนอในรูปแบบแพ็กเกจได้มากกว่า 7.1 ล้านแพ็กเกจ ทั่วโลก
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดส่งผลสำคัญต่อผู้ประกอบการโรงแรมไทย
ผลสำรวจล่าสุดของเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ชี้ให้เห็นว่า สถิติการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยล้วนมาจากประเทศชั้นนำ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และจีน โดยจุดหมายปลายทางหลักของประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ พัทยา มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ 60 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยภูเก็ต 55 เปอร์เซ็นต์ และเกาะสมุย 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยภูมิภาคอื่นๆ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังเป็นที่น่าจับตามอง เช่น เกาะหลีเป๊ะ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ระยอง ตราด และหาดใหญ่
ข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมคือ ข้อเสนอในรูปแบบแพ็กเกจ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อเสนอที่หลากหลายเข้ามาไว้ด้วยกัน เช่น เที่ยวบิน รถ และโรงแรม ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ โดยข้อมูลจากช่วงระยะเวลาเดียวกันแสดงให้เห็นว่า การจองแบบแพ็กเกจทำให้เกิดการจองล่วงหน้า ในระยะเวลาที่นานกว่าการจองโรงแรมเพียงอย่างเดียวถึง 1.5 เท่า นอกจากนี้ อัตรายกเลิกการจองแบบแพ็กเกจยังมีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการจองโรงแรมเพียงอย่างเดียว ซึ่งประเทศที่นิยมใช้ระบบการจองแบบแพ็กเกจ ได้แก่ มาเลเซีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
การปรับปรุงเครื่องมือออนไลน์ของเอ็กซ์พีเดีย
ในปี 2559 เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ได้ลงทุนกว่า 830 ล้านเหรียญสหรัฐ พัฒนาเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงแพลตฟอร์มออนไลน์เอ็กซ์พีเดีย ลอดจ์จิ้ง พาร์ตเนอร์ เซอร์วิส (LPS) ที่ต้องการช่วยให้โรงแรมที่เป็นพาร์ตเนอร์ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากยิ่งขึ้น และช่วยผลักดันธุรกิจผ่านแบรนด์ที่หลากหลายของเอ็กซ์พีเดีย ซึ่งประกอบไปด้วย Expedia, Hotels.com, Travelocity, Trivago, Egencia, Orbitz Worldwide, Wotif, Venere.com, Hotwire, Expedia Media Solutions, Expedia Affiliate Network (EAN) และ AirAsiaGo
โดยเอ็กซ์พีเดีย แอลพีเอส ในประเทศไทยจะมีทีมผู้จัดการการตลาดที่ชำนาญสองภาษา เพื่อให้คำปรึกษาทั้งในเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และข้อแนะนำเกี่ยวกับผลจากการจัดการโรงแรม หรือข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งในธุรกิจโรงแรม การศึกษาและความเข้าใจเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์การบริหารจัดการรายได้ให้เหมาะสมตามเป้าหมาย และเพิ่มขีดความสามารถผ่านการใช้งานระบบออนไลน์ของเอ็กซ์พีเดีย ที่ชื่อว่า เอ็กซ์พีเดีย พาร์ตเนอร์ เซ็นทรัล (EPC)
“โรงแรมสามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้ธุรกิจเติบโตไปในลักษณะใดบนแพลตฟอร์มของเอ็กซ์พีเดีย ไม่ว่าจะมุ่งเน้นการจองแบบเฉพาะประเทศ การจองล่วงหน้า หรือระยะเวลาเข้าพักที่นานขึ้น การมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความหรูหรา นักธุรกิจ หรือผู้ที่ต้องการซื้อตั๋วแบบเร่งรีบ ก็สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่ต้องการได้ตามกลยุทธ์การขายของธุรกิจ” พิมพ์ปวีณ์ นพกิจกำจร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป กล่าว
โรงแรมสามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้ธุรกิจเติบโตไปในลักษณะใดไม่ว่าจะมุ่งเน้นการจองแบบเฉพาะประเทศ การจองล่วงหน้า หรือระยะเวลาเข้าพักที่นานขึ้น การมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความหรูหรา นักธุรกิจ หรือผู้ที่ต้องการซื้อตั๋วแบบเร่งรีบ
เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เอ็กซ์พีเดีย พาร์ตเนอร์ เซ็นทรัล (EPC) ทำให้โรงแรมสามารถบริหารจัดการอัตราราคาห้องพัก จำนวนห้องว่าง และเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์การจัดการรายได้จากข้อมูลเชิงลึกได้ในแบบเรียลไทม์ ผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น ข้อเสนอพิเศษสำหรับสมาชิกและการจองผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ข้อเสนอพิเศษประจำวันผ่านทางเว็บไซต์ Hotels.com ข้อเสนอรายวันผ่านเว็บไซต์ Expedia.com ข้อเสนอนาทีสุดท้ายสำหรับผู้จองอย่างเร่งรีบ หรือความสามารถที่จะเลือกนักท่องเที่ยวแบบเฉพาะประเทศ เป็นต้น
“เอ็กซ์พีเดีย อีพีซี ช่วยให้พาร์ตเนอร์โรงแรมในไทยเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าธุรกิจส่วนไหนประสบผลสำเร็จ หรือส่วนไหนที่สามารถปรับปรุงเพิ่มเติมได้ โดยนำข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ของธุรกิจและเปรียบเทียบกับคู่แข่ง อีกทั้งยังช่วยให้ได้ปรับเปลี่ยนราคาห้องพัก และเพิ่มประสิทธิภาพของโปรโมชั่นที่กำหนด เพื่อเป็นการสร้างรายได้ที่มากขึ้น”
Booking.com ให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล
การนำเสนอเครื่องมือใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการหลายรายให้ความสำคัญ Booking.com เองก็ได้เปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รายการ คือ เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Booking.com Analytics) และศูนย์เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ (Opportunity Centre) ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่พักสามารถขยายธุรกิจของตนเองได้ง่ายขึ้นด้วยข้อมูลที่นำไปปฏิบัติได้จริง และเรียกดูข้อมูลได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน พร้อมทั้งมีคำแนะนำที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์แสดงบนหน้าแดชบอร์ดข้อมูลชั้นนำในอุตสาหกรรม
ฉบับที่ 212 เดือนสิงหาคมวิธีสร้างธุรกิจอย่างสตาร์ทอัพ |
แดชบอร์ดเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล จะแสดงข้อมูลหลัก 4 รายงาน ซึ่งรวมถึงรายงานการขายจำนวน 2 รายงาน ได้แก่ รายงานยอดขายและราคา ซึ่งมีข้อมูลที่จะช่วยให้ที่พักคู่ค้าทราบถึงค่าเฉลี่ยยอดขายบน Booking.com เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของที่พักกับข้อมูลรวมจากที่พักคู่แข่ง เพื่อการวางแผนการขายและการตลาดในอนาคต ส่วนรายงานสถิติด้านการขาย จะมีข้อมูลที่เข้าใจได้ง่ายเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางการค้าตลอดปีที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 รายงานสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้จอง ซึ่งเน้นข้อมูลพฤติกรรมของผู้จอง เจาะเชิงลึกข้อมูลผู้ใช้งานโดยจำแนกจากประเทศที่ทำการจอง อุปกรณ์ที่ใช้จอง และจุดประสงค์ของการเดินทาง สุดท้ายคือ ข้อมูลระยะเวลาตั้งแต่ที่จองถึงวันเข้าพัก ที่รวมข้อมูลว่าลูกค้าของ Booking.com จองที่พักล่วงหน้าเป็นระยะเวลากี่วัน
สมาร์ทโฟนก็เป็นผู้ช่วยสำหรับการเดินทางที่ดีได้
นอกจากเครื่องมือที่กล่าวมาแล้ว Booking Experiences ยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือใหม่ ที่ช่วยตอบคำถามกับผู้เดินทางที่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรดี หลังจากค้นพบจุดหมายการเดินทางที่ต้องการ และได้จองที่พักไว้แล้ว โดยจะช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ ด้วยแอพพลิเคชั่นที่รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Android และ iOS ซึ่งจุดเด่นที่แตกต่างจากไปจากแอพฯ เพื่อการเดินทางอื่นๆ คือ สามารถใช้งานผ่านแอพฯ Booking.com ได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องเข้าไปยังเว็บไซต์อื่น เช่น หลังจากจองที่พักในจุดหมายที่มีบริการ Booking Experiences ผู้ใช้งานก็จะได้รับ QR Code ในแอพฯ Booking.com เพื่อเข้าชมสถานที่น่าสนใจในจุดหมายนั้นๆ ซึ่ง Booking Experiences จะช่วยลดขั้นตอนที่ต้องวางแผนจองล่วงหน้า หรือเข้าแถวเพื่อซื้อตั๋วต่างๆ ผู้เดินทางสามารถไปยังสถานที่ที่สนใจ และแสดงบัตรผ่านในสมาร์ทโฟนเพื่อสแกนได้ทันที ทั้งนี้ QR Code จะมีการเชื่อมโยงกับบัตรเครดิตที่ผู้ใช้งานเลือกไว้โดยอัตโนมัติ
โลกของธุรกิจยุคดิจิทัล อาจจะมีการพัฒนาเครื่องมือรูปแบบต่างๆ เพื่อมารองรับกับธุรกิจในแทบทุกอุตสาหกรรม สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้นเทคโนโลยีส่วนใหญ่จะพัฒนาเพื่อมารองรับงานด้านการขายห้องพักเป็นหลัก และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงผู้คนจากทั้งทั่วโลกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ รูปแบบและวิธีการที่ประสบความสำเร็จของผู้ประกอบการแต่ละรายก็อาจจะไม่เหมือนกันและไม่มีรูปแบบที่ตายตัวเสมอไป เพราะไม่แน่ว่า ธุรกิจโรงแรมรายเล็กๆ ที่มีเงินทุนในการทำตลาดไม่มาก อาจประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้เครื่องมือที่ถูกจังหวะ นำเสนอโปรโมชั่นที่ถูกเวลา จึงทำให้ถูกใจลูกค้าได้ตามแผนที่วางไว้