“มาตรฐานเกษตรอินทรีย์” ถือเป็นเกณฑ์ข้อกำหนดขั้นต่ำที่เกษตรกรผู้ผลิตจะต้องปฏิบัติตาม และหน่วยงานรับรองจะใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจประเมินการผลิต และตัดสินใจในการรับรองฟาร์มที่ได้ปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งการได้รับการรับรอง เกษตรกรจะต้องรักษาระบบนิเวศการเกษตร โดยอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพนิเวศท้องถิ่นดั้งเดิมไว้ อีกทั้งต้องมีการจัดการดิน และธาตุอาหารที่ดี และมีการจัดการศัตรูพืชโดยชีววิธีและวิธีกลเป็นหลัก รวมถึงเกษตรกรจะต้องมีมาตรการในการป้องกันมิให้ดินและผลผลิตเกษตรอินทรีย์ปนเปื้อนจากมลพิษ
ซึ่งในการพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจในภาคการเกษตร และการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีเพื่อการทำงานในภาคเกษตร จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อน โดยการเข้าถึงข้อมูลต่างๆผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ ช่วยเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลให้มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ สามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน ทำการเพาะปลูกได้โดยไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่าและไม่ต้องใช้สารเคมี เพิ่มความถูกต้อง ลดค่าใช้จ่าย และลดเวลาในการตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ และช่วยปกป้องความเป็นอยู่ของคนในชุมชนได้ในระยะยาวอีกด้วย
เปลี่ยนกระบวนการกรอกข้อมูลจากกระดาษสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์
ปัจจุบันมูลนิธิสายใยแผ่นดิน ได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช จัดทำ “โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า” ให้กับเกษตรกรกว่า 350 ครอบครัว ใน 9 หมู่บ้าน เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าจำนวนกว่า 8,000 ไร่ ใน 3 ป่าต้นน้ำของอุทยานขุนแจและลำน้ำกก ที่จังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายที่จะจัดทำโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายพื้นที่ให้ถึง 20,000 ไร่ ภายในปี 2568
กาแฟนับเป็นพืชสร้างรายได้ โดยหัวใจสำคัญของการปลูกกาแฟ คือการตรวจแปลง ทั้งในกระบวนการปลูกและการผลิตกาแฟเพื่อให้ได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โดยที่ผ่านมาเกษตรกรจะใช้กระบวนการตรวจแปลง ด้วยวิธีการกรอกข้อมูล หรือการบันทึกลงบนกระดาษ จากนั้นต้องมากรอกข้อมูลลงใน Excel อีกรอบ ทำให้ข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง
แอพพลิเคชั่น ICS หรือ Internal Control System จึงเข้ามาช่วยลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล ทำให้พนักงานประหยัดระยะเวลาและขั้นตอนในการตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ ด้วยการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลผ่านคลาวด์ได้รวดเร็วขึ้น จากการใช้เวลา 4 เดือนเหลือเพียง 1 เดือนลดลงกว่า 75% เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบการตรวจสอบสวนกาแฟ ส่งผลให้ขีดความสามารถในการทำงานของพนักงานเพิ่มมากขึ้น
เทรนด์การเกษตรผ่านคลาวด์ เชื่อมโยงไปสู่ IoT
แอพพลิเคชั่นการตรวจรับรองมาตรฐานภายใน ICS หรือ Internal Control System เกิดจากความร่วมมือของ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ในการสานต่อแคมเปญ คลาวด์ เพื่อสาธารณะประโยชน์ ร่วมกับมูลนิธิสายใยแผ่นดิน บริษัทบีทามส์ โซลูชั่น จำกัด ในการนำ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ ไปใช้ในการยกระดับการตรวจสอบกระบวนการและผลผลิตกาแฟในโครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า ช่วยเพิ่มคุณค่าในกระบวนการผลิตตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 3 ด้าน คือ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บและประมวลผลข้อมูล – พนักงานสามารถป้อนข้อมูลได้โดยตรงผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และไปเก็บในคลาวด์สาธาณะ ทำให้ได้ฐานข้อมูลกลางที่ถูกต้อง และสามารถแชร์เพื่อการใช้งานร่วมกันตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์
- ประหยัดเวลาและต้นทุนในขั้นตอนของการตรวจสอบตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ – ด้วยระบบประมวลผลอย่าง Microsoft SQL Database พร้อมใช้ Power BI เป็นเครื่องมือวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูลได้ทั้งแบบ Dashboard และ GIS ช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานประเมินผล ทราบสถานะในกระบวนการในการจัดการทางเกษตรอินทรีย์ เพื่อที่จะบริหารจัดการได้อย่างทันเวลา และใช้ในการสร้างรายงานประกอบการรับรองมาตรฐานผลผลิตกาแฟ ทำให้เกิดการตรวจสอบและออกใบรับรองได้เร็วขึ้น
- ในอนาคตจะยกระดับมาตรฐาน โดยการนำเทคโนโลยี IoT ทางการเกษตรมาใช้บริหารจัดการช่วงเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบูรณาการข้อมูลจาก IoT แบบเรียลไทม์และประมวลผลผ่านทาง Microsoft’s IoT Hub Public Cloud โดยจะทำให้พนักงานสามารถมอนิเตอร์และควบคุมและจัดการปรับสภาพแวดล้อมต่างๆ ในสวนกาแฟได้แบบเรียลไทม์ สามารถดูแลสวนกาแฟได้อย่างทั่วถึง เพื่อให้ได้ผลผลิตเมล็ดกาแฟออร์กานิคคุณภาพดีเพิ่มขึ้นแบบยั่งยืน