ตลาดซื้อ-ขาย ของออนไลน์ Kaidee ที่เปรียบเหมือนตลาดนัด มีสินค้าทั้งมือหนึ่งและมือสองให้เลือก ยังคงคึกคักแม้ว่าภาคเศรษฐกิจโดยรวมจะยังคงเงียบๆ อยู่ ด้วยพฤติกรรมของคนที่อยากได้เงินก็ขายของ ไม่มีเงินก็ขาย หรืออยากเปลี่ยนใหม่ก็ขาย และเลือกใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงคนจำนวนมาก
โดยครึ่งปีแรกของปีนี้มีเงินสะพัดจากของที่ขายได้บนแพลตฟอร์มแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท และมีของลงขายใหม่มากถึง 5,000,000 ประกาศ
บนแพลตฟอร์มของ Kaidee หมวดรถยนต์นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีผู้เข้าชม 256 ล้านเพจวิวต่อเดือน ทำให้เกิดเป็น RodKaidee ที่สามารถเข้าใช้งานผ่าน Rod.kaidee.com ได้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยในครึ่งปีแรกมีรถขายได้ที่ RodKaidee ไปแล้วกว่า 56,700 คัน และมีรถราคาแพงที่สุดที่ขายได้ในราคา 14,900,000 ล้านบาท ซึ่งในหมวดอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมรองลงมาก็กำลังจะมีแพลนพัฒนาเพิ่มเติมในปีนี้ด้วยเช่นกัน
ทิวา ยอร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Kaidee กล่าวว่าสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้คนไทยหันมาให้ความสนใจในการซื้อ-ขายของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ครึ่งปีแรกสินค้าบนแพลตฟอร์มขายได้มากกว่า 900,000 รายการ โดยเดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายสูงสุดถึง 7,300 ล้านบาท
โดยพฤติกรรมการใช้งานที่เป็นการใช้งานผ่านมือถือกว่า 80% ทำให้ Kaidee ได้มีการปรับเปลี่ยนแอพฯ ให้ มีรูปภาพมากขึ้น มีการปรับเมนูเพื่อให้เข้าใช้งานได้สะดวกขึ้น
“สำหรับดีไซน์แอพฯ เมนูที่สำคัญจะอยู่ด้านล่างทั้งหมดเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยฟังก์ชั่นที่เราอยากให้ใช้คือการแชท ซึ่งเห็นว่าพฤติกรรมก่อนซื้อขายคนไทยชอบแชทมากกว่าการโทรโดยตรง และการแชทผ่านแพลตฟอร์มขายดีก็จะปลอดภัยมากกว่าการย้ายไปคุยกันในแอพฯ แชทอื่นๆ เนื่องจากหากเกิดกรณีทุจริตต่างๆ ทีมงานก็จะสามารถรู้ตัวตนของบุคคลและตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือได้” ทิวากล่าว
นอกจากการซื้อขายแบบปกติแล้ว ยังมีแคมเปญเพื่อการกุศลอย่าง #lessgivesmore ที่ให้นำสินค้ามาลงขายและนำรายได้ทั้งหมดมอบให้การกุศล โดยมีศิลปินดาราเข้ามาร่วมขายของจำนวนมาก โดยผู้ที่สนใจก็สามารถลงขายและติดแฮชแท้ก เพื่อนำยอดเงินที่ได้ไปบริจาคได้ด้วยเช่นกัน
ใช้ AI เลือกหมวดสินค้า พร้อมหาพันธมิตรสร้างงานวิจัยใหม่
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา Kaidee ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 5 ของนายจ้างธุรกิจดิจิตอลในไทย ที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุด จากการสำรวจของนิด้าโพล ทำให้ Kaidee เริ่มสนับสนุนวงการธุรกิจดิจิทัลในด้านอื่นๆ ด้วย ที่ผ่านมาก็ได้มีความร่วมมือกับทางคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการทำวิจัยเรื่องตลาดผู้บริโภคในประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการศึกษาของนิสิตและนักศึกษาไทย
รวมถึงการพัฒนา AI ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมในอนาคต Kaidee เองก็มีได้นำมาใช้ในระบบหลังบ้าน ในการคัดแยกรูปภาพเพื่อจัดสินค้าให้ตรงหมวดหมู่ พร้อมทั้งอยู่ในระหว่างการวิจัยในเรื่องการใช้ Machine Learning ในตลาดซื้อ-ขายของออนไลน์กับเทเลนอร์ กรุ้ป จากนอร์เวย์ และคาดว่าจะนำมาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันอีกด้วย
นอกจากนี้ทิวา ยังได้กล่าวว่าทาง Kaidee มีดาต้าเกี่ยวกับการซื้อขายอยู่จำนวนมาก และพร้อมที่จะร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในการทำงานวิจัย เพื่อเพิ่มศักยภาพ องค์ความรู้ ให้อุตสาหกรรมในประเทศไทย
ถึงแม้ว่า Kaidee จะเป็นตลาดนัดออนไลน์ และมีแผนการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็ยังไม่ได้ทิ้งช่องทางออฟไลน์ และเตรียมดึงลูกค้ารายใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์ม ด้วยการจัดงาน Kaidee swap meet market ที่หน้าศูนย์การค้ามาบุญครอง เพื่อทำหารตลาดแบบ Omni Channel ให้ผู้ซื้อผู้ขายได้พบเจอกัน ในวันที่ 2-3 กันยายนนี้
