ในงานสัมมนา “กรุงศรี บิซิเนส ฟอรั่ม : ซีอีโอ 4.0 การปฏิรูปทางความคิด” ที่ผ่านมาได้มีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของการแผนการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานไทย โดยทางรัฐบาลได้พัฒนาและเพิ่มมาตรการด้านการขนส่งทางรางให้เป็นระบบการขนส่งหลักของประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
ทางกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟระหว่างเมือง โครงข่ายขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถทางหลวงเชื่อมโยงฐานการผลิตของประเทศ รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ นอกเหนือจากการพัฒนาโครงข่ายขนส่งด้านต่างแล้ว วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ ก็กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน ซึ่งในอีก 5 ปีจะเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ ทั้งนี้หลากหลายบริษัทที่ผลิตยานยนต์ได้ออกมาเปิดเผยว่า กำลังทำการคิดค้นและผลิตรถไฟฟ้า รวมถึงยานยนต์ไร้คนขับซึ่งจะเห็นกันมากขึ้นในปี 2020 ใกล้จะถึงนี้
แต่สิ่งที่ท้าทายกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของผังเมืองอาจจะต้องสร้างพื้นที่จอดรถไฟฟ้า ศูนย์ชาร์จแบตเตอรี่ หรือจะเป็นในเรื่องของประกันอุบัติเหตุสำหรับรถไร้คนขับ กับรถที่ยังมีคนขับ รวมไปถึงกฎหมายในประเทศว่าจะมีข้อกำหนดอย่างไรให้เหมาะสมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ชนาพรรณ ยังได้ยกตัวอย่างธุรกิจที่อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีไป เช่น อาจจะเกิดการแชร์แบตเตอร์รี่ไฟฟ้า ธุรกิจปั๊มน้ำมันจะเปลี่ยนไปสู่สถานีชาร์จไฟฟ้า พลังงานทดแทน หรือขายไฟ เกิดธุรกิจพัฒนาระบบอัจฉริยะเป็นคนขับแทน และหากสามารถขับรถโดยไม่ต้องพึ่งพาคนขับได้ ธุรกิจแท็กซี่อาจจะตายไป เกิดเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่เข้ามาแทน
รวมถึงอาจจะเปลี่ยนจากการเป็นเจ้าของรถ เป็นการเช่ามากขึ้น หรือแชร์รถกันใช้โดยไม่ต้องซื้อรถเป็นของตนเอง อีกทั้งบางครอบครัวอาจจะมีการสร้างที่ชาร์จไฟสำหรับรถตนเองภายในบ้าน ต้องมีระบบควบคุมไฟไหม้ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจจะต้องมองในมุมนี้ด้วยเช่นกัน สำหรับโครงสร้างบ้านเพื่อป้องกันความร้อนที่จะเกิดขึ้น
สร้างนวัตกรรมยกระดับสู่ประเทศพัฒนาแล้ว
อุตสาหกรรมยานยนต์ถือว่าเข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดในอนาคต นอกจากนี้ยังคาดว่าในอีก15 ปีข้างหน้า ความต้องการสินค้าจะเพิ่มขึ้น จากการที่ประชากรย้ายเข้ามาในเมืองมากขึ้น และจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความต้องการซื้อเปลี่ยนไป พร้อมทั้งเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามารองรับ
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นวัตกรรมใหม่ๆ จะส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้กับภาคธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ดีไซต์ การผลิต และการเข้าถึงลูกค้า อีกทั้งบิ๊กดาต้าจะเป็นสิ่งจำเป็นในการวิเคราะห์ผู้บริโภคในการขายสินค้า
ทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งที่คาดการณ์ แต่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วประเทศไทยจะมีการเตรียมรับมืออย่างไร กับภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจด้วย โดยเฉพาะรถไฟฟ้า และยานยนต์ไร้คนขับที่มาแน่นอน