เมืองใหญ่ทั่วเอเชีย-แปซิฟิก กำลังเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเตรียมพร้อมการเกิดเขตเศรษฐกิจใหม่ โดยคาดว่าในอีก 10 ปี การเปลี่ยนแปลงการไหลของเงินทุนจากทั่วโลกเข้ามายังเศรษฐกิจเกิดใหม่ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของพื้นที่เมือง จำนวนประชากรในเมืองเพิ่มขึ้น และขนาดเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้หลายประเทศเร่งเดินหน้าสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
เริ่มจากเชื่อมต่อข้อมูลเป็นระบบ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
แม้ว่าหลายเมืองเริ่มมีความพร้อมเรื่องสาธารณูปโภค เทคโนโลยี ระบบอินเทอร์เน็ต และการวางระบบ เพื่อปูทางใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) รวมถึงเชื่อมต่อข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไปยังฐานข้อมูลองค์กร แต่การนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมยังน้อยมาก
โดย คีท โรสคาเรล ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยสาธารณะ และเมืองอัจฉริยะ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด บอกว่า เพราะเมืองยังมีข้อจำกัดเรื่องของเทคโนโลยีที่ต่างกัน ขาดการบูรณาการ และเชื่อมต่อข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงขาดเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากอัตราการเติบโตของเมืองที่มากขึ้น ประชากรมากขึ้นจึงต้องการความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการมีเหตุการณ์ก่อการร้ายที่มีมากขึ้นด้วย ซอฟต์แวร์ Hitachi Visualization Suite (HVS) ที่ทำงานได้บนระบบไฮบริดคลาวด์ สามารถผสานรวมข้อมูลทั่วไปและข้อมูลจากวิดีโอหรืออุปกรณ์ IoT จากระบบความปลอดภัยสาธารณะที่แยกออกจากกันของแต่ละหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกัน และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแสดงผล ช่วยให้องค์กรภาครัฐและเอกชนได้รับข้อมูลและเข้าใจสถานการณ์จากข้อมูลเชิงลึก ทำให้วางแผนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น ส่งความช่วยเหลือ 191 ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์, ตัวอ่านป้ายทะเบียน, เซ็นเซอร์กระสุนปืนแบบเรียลไทม์ เป็นต้น
ความท้าทายการสร้าง Smart City ของไทย
ด้าน ดร.มารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทยและพม่า บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด มองว่า ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ส่งผลให้ภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง มีการลงทุนรองรับการเกิดขึ้นของ Smart City และสามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้เต็มศักยภาพ ซึ่งปัจจัยที่จะช่วยผลักดันความสำเร็จของ Smart City อยู่ที่ความพร้อมด้านบุคลากร , กระบวนการทำงาน และการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
สำหรับประเทศไทยที่เริ่มสร้าง Smart City ก่อนประเทศอื่น เรามีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม แต่การจะเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่อาจจะต้องรอให้ของเก่าหมดอายุก่อน ดังนั้นไทยควรเริ่มเปลี่ยนเทคโนโลยีจากจุดเล็กๆ แล้วจึงค่อยไปใหญ่ ซึ่งอาจเริ่มนำร่องโดยเอกชนที่มีความพร้อม หรือหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย
