Bitcoin & Blockchain เทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนอุตสาหกรรมการเงิน

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา  Managing Director ของ Coins.co.th

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Managing Director ของ Coins.co.th

บิทคอยน์ (Bitcoin) และบล็อกเชน (Blockchain) ถือเป็นอีกหนึ่งในเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับทางด้านการเงิน (Financial Technology หรือ Fintech) ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งทั้งบรรดา Tech Startup หรือธนาคารต่างๆ ได้หันมาศึกษาและพัฒนาบล็อกเชนกันอย่างจริงจังเพื่อก้าวให้ทันกับเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่นิยมซื้อ-ขายหรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น

สาเหตุที่บิทคอยน์และบล็อกเชนได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ นอกจากการตอบโจทย์เรื่องความสะดวกและรวดเร็วแล้ว ก็คือเรื่องของค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าบัตรเครดิต เพราะไม่มีตัวกลางอย่างสถาบันการเงินหรือธนาคารในการทำธุรกรรม ยกตัวอย่าง  ค่าธรรมเนียมที่จะต้องเสียในการชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2-4 เปอร์เซ็นต์ แต่การชำระสินค้าผ่านบิทคอยน์จะเสียค่าธรรมเนียมที่ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าถูกกว่ามากหลายเท่าตัว

ตัวกลางการแลกเปลี่ยนชนิดใหม่ ภายใต้เครือข่ายแบบ P2P
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Managing Director ของ Coins.co.th ได้ให้ข้อมูลว่า แกนหลักของบิทคอยน์เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2008 ที่มี White Paper ออกมาโดยนามปากกาที่ชื่อว่า Satoshi Nakamoto เกี่ยวกับเรื่องของบิทคอยน์ Satoshi Nakamoto เป็นผู้สร้างซอฟต์แวร์บิทคอยน์โปรโตคอล และปล่อยให้เป็นซอฟต์แวร์ Open-source ในปี 2009 จึงถือได้ว่า Satoshi Nakamoto เป็นผู้คิดค้นบิทคอยน์ขึ้นมา ซึ่งบิทคอยน์ก็คือตัวกลางในการแลกเปลี่ยนชนิดใหม่ผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตหรือกระทั่งบัญชีธนาคาร โดยที่ระบบมีการเข้ารหัสขั้นสูงพร้อมทั้งมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ บิทคอยน์ถูกพัฒนาภายใต้เครือข่ายแบบ Peer-to-Peer (P2P) ซึ่งหมายความว่า ไม่มีสถาบันหรือองค์กรใดไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือธนาคาร สามารถมีอำนาจควบคุมหรือเอาบิทคอยน์ไปได้ โดยธุรกรรมของบิทคอยน์เป็นสาธารณะ ตรวจสอบได้ และถูกจัดเก็บไว้ในระบบที่เรียกว่า บล็อกเชน

“สิ่งที่บล็อกเชนทำก็คือ เทคโนโลยีตัวนี้สามารถให้คนแลกเปลี่ยนอะไรที่มีมูลค่ากันได้ ถ้าดูแค่ในวงการบล็อกเชนเมื่อเทียบกับอินเทอร์เน็ต บล็อกเชนได้รับเงินลงทุนมามากกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าตอนที่อินเทอร์เน็ตที่เกิดมาในช่วงแรกๆ แค่ความสามารถที่จะทำให้เราแลกเปลี่ยนอะไรที่มีมูลค่ากันผ่านออนไลน์ได้มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก และจะมามีบทบาทมากกับหลายๆ วงการในอนาคต เทคโนโลยีตัวนี้จะทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นมาก จะมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน”

สำหรับมูลค่าของบิทคอยน์นั้นจะไม่ผูกติดกับเงินสกุลใดทั้งสิ้น ซึ่งคล้ายคลึงกับหุ้นหรือทรัพย์สิน มูลค่าของบิทคอยน์ถูกกำหนดโดยกำลังการซื้อและกำลังการขายในช่วงเปิดตลาด ราคาของบิทคอยน์จะเปลี่ยนแปลงในแบบเวลาจริงขึ้นอยู่กับความต้องการของคนซื้อหรือขายในขณะที่กำหนด พูดง่ายๆ ก็คือ ราคาของบิทคอยน์ถูกกำหนดจากความต้องการจ่ายของตลาด ถ้ามีคนจำนวนมากต้องการจะซื้อราคาก็จะสูงขึ้น ถ้ามีคนจำนวนมากต้องการจะขายราคาก็จะลดลง โดยมูลค่าของบิทคอยน์อาจผันผวนมาก เมื่อเทียบกับสกุลเงินและสินค้าโดยทั่วไป นี่อาจเป็นเพราะตลาดบิทคอยน์ยังมีขนาดเล็ก ซึ่งความผันผวนนี้จะลดลงเมื่อสกุลเงินบิทคอยน์เติบโตขึ้น และตลาดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น

C3

เทคโนโลยีตัวนี้สามารถให้คนแลกเปลี่ยนอะไรที่มีมูลค่ากันได้ มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก และจะมามีบทบาทมากกับหลายๆ วงการในอนาคต

มีความเป็นส่วนตัวสูง และปราศจากอัตราการเฟ้อ
ระบบที่ประมวลการส่งบิทคอยน์คือ บล็อกเชน ซึ่งได้รับการประมวลผลโดยคนที่เรียกว่าไมเนอร์ โดยไมเนอร์จะได้รับรางวัลเป็นบิทคอยน์เมื่อทำการประมวลผลรายการต่างๆ ของบิทคอยน์จนสำเร็จ โดยธุรกรรมของแต่ละรายการจะถูกไมเนอร์หลายๆ คนประมวลผลอย่างต่อเนื่องกันเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ธุรกรรมบิทคอยน์ทุกรายการจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีที่ทุกคนสามารถเห็นได้ ทำให้บิทคอยน์นั้นเป็นอิสระ เป็นกลาง และมีความเป็นความส่วนตัว เพราะบล็อกเชนที่ทำให้ทุกคนรู้ว่าที่อยู่บิทคอยน์แต่ละที่อยู่มีการทำธุรกรรมอะไรบ้าง ทุกคนสามารถที่จะรู้ได้ว่าการทำธุรกรรมนั้นๆ มาจากที่ใดและถูกส่งไปที่ใด แต่ในอีกมุมหนึ่งก็คือ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าที่อยู่บิทคอยน์นั้นๆ เป็นของใคร ซึ่งจะไม่เหมือนกับธนาคารทั่วไป อย่างไรก็ตามบุคคลที่ใช้บิทคอยน์แบบไม่ระมัดระวัง เช่น การใช้ที่อยู่เดิมๆ ตลอดเวลา หรือการรวมบิทคอยน์จากหลายๆ ที่ให้มาอยู่ที่อยู่เดียวก็อาจเสี่ยงต่อการถูกค้นพบตัวตน

บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านบิทคอยน์ แปลว่า เมื่อจำนวนบิทคอยน์ในตลาดถึง 21 ล้านบิทคอยน์แล้วก็จะไม่สามารถมีเพิ่มได้อีก ซึ่งทำให้ไม่มีอัตราการเฟ้อของบิทคอยน์ และในความเป็นจริงอัตราเงินฝืด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ราคาของสินค้าและบริการตกลงสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าสกุลเงินบิทคอยน์สามารถหารลงไปได้เรื่อยๆ ทำให้ซื้อ-ขายในจำนวนที่น้อยมากๆ ได้ ซึ่งหารลงไปได้เท่าไรก็ไม่สำคัญ เพราะว่ามีอุปทานเท่าเดิม

“บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกตอนนี้ให้การยอมรับเทคโนโลยีบิทคอยน์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในต่างประเทศตอนนี้เขาไปไกลกันเยอะมากแล้ว เมืองไทยควรหันมาให้ความสนใจเทคโนโลยีทางด้านนี้ เพราะถ้าเราขยับช้าเกินไป ในอนาคตเราอาจจะสูญเสียเงินไปอีกเยอะมาก”

กวิน ติระบริสุทธิ์  Business Development Officer ของ Coins.co.th

กวิน ติระบริสุทธิ์ Business Development Officer ของ Coins.co.th

ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เกือบเป็น 0
ทางด้าน กวิน ติระบริสุทธิ์ Business Development Officer ของ Coins.co.th  กล่าวเสริมว่า การทำธุรกรรมโดยใช้บิทคอยน์มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด หรือแม้กระทั่งไม่มีค่าใช้จ่ายในบางกรณี อย่างการใช้บัตรเครดิตในปัจจุบันค่าธรรมเนียมอาจจะ 3.5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่บิทคอยน์มาช่วยลดค่าธรรมเนียมตรงนี้ได้ หรืออย่างในเรื่องของ Payment คนไทยไม่สามารถขายของให้คนต่างประเทศได้ เพราะไม่สามารถรับชำระเงินจากต่างประเทศได้ เช่นเดียวกัน คนต่างประเทศก็ไม่สามารถมาขายเซอร์วิส สิ่งของ หรือการบริการในไทยได้ เพราะปัญหาหลักๆ คือเรื่อง Payment แต่เทคโนโลยีบิทคอยน์จะมาเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมด

e210-small

ฉบับที่ 210 เดือนมิถุนายน

FinTech 2.0 การเงินคลื่นลูกใหม่

ผลิตภัณฑ์หลักของ Coins.co.th คือ ให้บริการกระเป๋าสตางค์บิทคอยน์ ให้ลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นบิทคอยน์ได้ผ่านทางช่องทางต่างๆ อาทิเช่น ธนาคาร e-Wallet บนมือถือ สำหรับชาวต่างชาติก็มีช่องทางการรับเงินบาทไทยโดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร อาทิ Cardless ATM บริการรับเงินที่ 7-Eleven หรือสาขาต่างๆ ของธนาคาร เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ยังมีช่องทางบริการต่างๆ อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เช่น การเติมเงินโทรศัพท์ การจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ รวมไปถึงบัตรของขวัญ บัตรเงินสด หรือการช้อปปิ้งออนไลน์ด้วยบิทคอยน์อีกด้วย และล่าสุดก็ได้เปิดการบริจาคเงินด้วยบิทคอยน์ ซึ่งมั่นใจได้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกส่งไปถึงมือผู้รับบริจาคอย่างแน่นอน

“ฟังก์ชั่นพื้นฐานสำหรับกระเป๋าสตางค์บิทคอยน์ ทาง Coins.co.th ก็สามารถให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเงินระหว่างกระเป๋าสตางค์บิทคอยน์ด้วยกันเอง การสร้าง QR Code สำหรับการรับเงิน นอกจากนี้หากปลายทางผู้รับเงินใช้กระเป๋าสตางค์บิทคอยน์กับทาง Coins.co.th ด้วยกันแล้ว หรืออาจจะเป็น Coins.ph ก็ได้ บิทคอยน์ที่ถูกส่งไปจะถูก Settlement ทันที โดยไม่ต้องรอการคอนเฟิร์มในระบบบล็อกเชน ซึ่งเป็นบัญชีกลางอีกด้วย”

พลเดช อนันชัย  Chief Financial Officer ของ Everex Thailand

พลเดช อนันชัย Chief Financial Officer ของ Everex Thailand

เรากำลังพัฒนาและทดสอบแอพพลิเคชั่นสำหรับการโอนเงินไปยังประเทศพม่า ซึ่งได้ผ่านการทดสอบ Alpha Test และ Beta Test ไปแล้ว

อีกหนึ่งผู้ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศด้วยเทคโนโลยี Blockchain
พลเดช อนันชัย Chief Financial Officer ของ Everex Thailand กล่าวว่า แต่เดิมจะเป็นที่รู้จักในชื่อ Midas Reserv (www.MidasRezerv.com) ซึ่งเป็นบริษัทที่ชนะการแข่งขัน Tech in Asia ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมแข่งต่อที่ประเทศญี่ปุ่น และมีบริการเกี่ยวกับการซื้อ-ขายทองผ่านระบบบล็อกเชนชื่อว่า MRGold Thailand (www.MRGold.in.th) แต่อย่างไรก็ตาม การเป็น Tech Startup ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็วให้เหมาะสมกับตลาด จึงได้ Re-brand ใหม่ในชื่อ Everex ที่มาจาก Every + Exchange และหันมาให้ความสนใจกับธุรกิจการโอนเงินข้ามประเทศ (Remittance) ซึ่งมีความต้องการที่อยากจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้

“เรากำลังพัฒนาและทดสอบแอพพลิเคชั่นสำหรับการโอนเงินไปยังประเทศพม่า ซึ่งได้ผ่านการทดสอบ Alpha Test และ Beta Test ไปแล้ว โดยนำคำแนะนำต่างๆ ที่ได้รับมาปรับปรุงก่อนจะปล่อยให้ได้ใช้ตัวเต็มต่อไป พร้อมทั้งการมุ่งให้ความรู้กับคนทั่วไปในเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนในภาษาที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเงินใหม่ตรงนี้อยู่ ตลอดจนการร่วมศึกษาและนำเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับบล็อกเชนให้รัฐบาลไทย โดยร่วมกับกลุ่มทำงานที่จัดงาน Startup Thailand ซึ่งเป็นผู้ร่าง White Paper เกี่ยวกับ พ.ร.บ. สนับสนุน Startup นำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยเนื้อหาเกี่ยวกับบล็อกเชนจะอยู่ในเฟสถัดไป”

สำหรับแผนต่อไปหลังจากที่พัฒนาบริการได้ในระดับหนึ่งก็คือ การหาความร่วมมือกับธนาคารใหญ่ในประเทศไทยที่มีนโยบายและวิสัยทัศน์ในการสนับสนุน Fintech Startup ซึ่งได้พูดคุยและรายงานความคืบหน้ากับธนาคารเหล่านี้ในตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าถ้าได้ร่วมมือกันก็จะทำให้ไปได้เร็วและไปได้ไกลกว่า และหากสามารถดำเนินธุรกิจการโอนเงินข้ามประเทศไปยังพม่าได้ด้วยดี ก็จะเริ่มศึกษาการไปเปิดตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อย่างประเทศกัมพูชา รวมไปถึงประเทศที่มีการทำธุรกรรมกับประเทศไทยบ่อยๆ อย่างประเทศจีนอีกด้วย

IMG_5217
IMG_5229
IMG_5293-2
พลเดช อนันชัย_2
IMG_5197
IMG_5245
IMG_3504
พลเดช อนันชัย_3

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

Jet.com ปรับใหญ่-สะท้อนเทรนด์เว็บช้อปปิ้งยุคนี้

เว็บช้อปปิ้ง Jet.com ปรับระบบใหม่ แสดงสินค้าต่างๆกันไปตามเมือง, ต่างกันไปตามหมวด เช่นหมวดเสื้อผ้าจะมีรูปและคลิปคนใส่จริง, และสับเปลี่ยนหน้าเว็บตามเวลากลางวัน-กลางคืนด้วย