Blockchain กับการซื้อ ขายหลักทรัพย์ หุ้น ไม่ต้องผ่านคนกลาง

รพี-สุจริตกุล

รพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

Blockchain (บล็อกเชน) สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังถูกนำไปประยุกต์ให้เป็นตลาดหลักทรัพย์ สามารถซื้อ-ขายในตลาดทุนได้เองโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง

ปริมาณการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ก้าวกระโดดทำให้สถาบันการเงินและธนาคารนำ Blockchain เข้ามาปรับใช้ในการทำธุรกรรมรูปแบบใหม่

ประเทศไทยอาจจะยังมีไม่มากนัก แต่เชื่อว่าจะมีการนำบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้กับบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการชำระเงินและการชำระบัญชี สำหรับการจ่ายเงิน โอนเงิน ส่งมอบ และชำระราคาด้านการจัดทำทะเบียน เช่น การออก ตราสาร เอกสารแสดงสิทธิ การใช้สิทธิออกเสียง หรืออาจจะนำไปใช้ในเรื่องของการระดมทุน การซื้อ-ขาย ตราสารของกิจการ รวมไปถึงนำไปใช้จัดการกับข้อมูล เช่น ข้อมูลตัวตนของลูกค้า ข้อมูล Profile KYC ให้กับบุคคลอื่นๆ โดยเจ้าของข้อมูลสามารถควบคุมบริหารการเข้าถึงได้

สำหรับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีการสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในตลาดทุนตื่นตัว และเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านธุรกรรมการเงินและการลงทุนที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งยังส่งเสริมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากกลุ่ม FinTech, Startups และนำ Blockchain มาพัฒนาสำหรับการให้บริการ

รพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “การพัฒนาทางเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจนในภาคการเงินการลงทุน โดยนวัตกรรมจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดเสรีภาพของบริการด้านการเงิน ประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและตลาดทุนได้หลากหลายและแพร่หลายยิ่งขึ้น โดยมีต้นทุนที่ต่ำลง รวมทั้งบริการทางการเงินต่างๆ ก็จะปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสมกับโจทย์และความต้องการของแต่ละคน”

ทีม Private Chain ชนะรางวัล Innovative FinTech โครงการ FinTech Challenge

ระบบซื้อ-ขายตลาดทุน โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง
Blockchain จึงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถูกนำมาพัฒนาใช้กับตลาดทุน อย่าง Private Chain (ไพรเวท เชน) แพลตฟอร์มบริการบนระบบซื้อ-ขายหลักทรัพย์ผ่านเทคโนโลยี Blockchain โดย ดวงฤดี หนึ่งในทีมผู้ก่อตั้ง Private Chain กล่าวว่า เห็นถึงปัญหาของบริษัทเล็กๆ ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ ประเทศไทยก็ยังมี Venture Capital (เวนเจอร์ แคปปิตอล) น้อย ทำให้ขาดโอกาสเติบโต และนักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนน้อยเช่นกัน ทั้งยังเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยมีเพียง 2 ตลาดเท่านั้น ขณะที่ในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกามีประมาณ 5-6 ตลาด

ด้วยปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดเป็นระบบแหล่งเงินทุนที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SMEs รวมไปถึงธุรกิจสตาร์ตอัพที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนผ่านการระดมทุนใหม่ ที่มีมูลค่าน้อยกว่าที่ตลาดหลักทรัพย์ของไทยกำหนด และเป็นช่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งยังเป็นการพัฒนาระบบตลาดหลักทรัพย์ของไทยให้ทันสมัยเพื่อปรับตัวให้เท่าทันกับเทคโนโลยี

ทั้งนี้ Private Chain จะทำหน้าที่เสมือนตลาดหลักทรัพย์เป็นสื่อกลางระหว่างนักลงทุนกับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระดมทุน เป็นทางลัดให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นจากเจ้าของกิจการต่างๆ ได้บนแพลตฟอร์มนี้ โดยไม่ต้องเสียเวลาซื้อ-ขายหลายวันอย่างที่เคยเป็น และไม่ต้องผ่านโบรกเกอร์หรือคนกลาง โดยบริษัทนอกตลาด Private Equity (ไพรเวท อิควิตี้) ก็สามารถเข้ามาร่วมลงทุนได้

การนำ Blockchain มาใช้เป็นหลังบ้านจะทำให้สามารถการออกหลักทรัพย์ การซื้อ-ขายและการจัดการหลักทรัพย์ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยจะมีผู้ดูแลหลักทรัพย์เป็นองค์กรหรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ออกหลักทรัพย์ของบริษัทในรูปของหลักทรัพย์ดิจิทัล ทำให้เกิดความรวดเร็ว เช่น การซื้อหรือขายหุ้นที่ไม่ต้องรอถึง 3 วันทำการ

ขณะเดียวกัน ด้านหน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบประวัติการซื้อและขายหลักทรัพย์ที่โปร่งใสตามรายการได้ตั้งแต่วันแรก รวมถึงผู้ดูแลบัญชีเงินสด ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตในการเพิ่มเงินสดเข้าไปในบัญชีเงินสดของนักลงทุนและของบริษัทที่ต้องการระดมทุน ผู้ดูแลหลักทรัพย์จะประเมินเครดิต และความเสี่ยงก่อนจะเข้ามาระดมทุนในตลาดได้

ทีม C3.Finance ชนะรางวัล Rising Star FinTech โครงการ FinTech Challenge

ธุรกรรมการเงินแบบใหม่ แปลงข้อมูลเป็นโค้ดเข้าระบบ
สำหรับการนำ Blockchain มาให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินอย่าง C3.Finance (ซีสามดอทไฟแนนซ์) นำโดย ตฤบดี อรุณานนท์ชัย กับเพื่อนร่วมทีมที่เชี่ยวชาญด้าน FinTech ต่างสนใจเทคโนโลยี Blockchain และเห็นปัญหาว่า ปัจจุบันยังไม่มีตัวกลางเชื่อม FinTech ระหว่างหน่วยงานรัฐ ธนาคาร และผู้ประกอบการ รวมถึงมองเห็นปัญหาในแวดวงเทคโนโลยีด้านการเงินที่ยังอัจฉริยะไม่มากพอ และไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับบัญชีธนาคารของเราได้แบบเรียลไทม์

ฉบับที่ 219 เดือนมีนาคม

ยุค IoT ของพลเมืองสูงวัย

 

จึงร่วมกันพัฒนากลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเทคโนโลยี Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูง โดยการแปลงข้อมูลธุรกรรมเป็นโค้ดเข้าระบบ และกระจายโค้ดไปยังที่อื่นให้สามารถเชื่อมข้อมูลถึงกันได้ เช่น การแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบของแอพพลิ-เคชั่นโมบายล์แบงกิ้งผ่านอีเมลที่จะต้องเชื่อมข้อมูลระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการอีเมล เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

ด้วยการที่นำ Blockchain มาใช้ทำให้กลายเป็นจุดแข็งที่ต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น โดยนำฐานข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลของลูกค้ามาแบ่งย่อย ยากที่เหล่าแฮกเกอร์จะสามารถมองภาพรวมของโค้ดข้อมูลออก ทำให้ไม่สามารถแฮกเข้ามาได้ จึงมีความปลอดภัยสูงและยังแก้ไขปัญหาความล่าช้าของ Blockchain ด้วย

นอกจากนี้ ตฤบดี คาดหวังว่า แพลตฟอร์มนี้จะเปรียบเสมือนเป็นทางหลวงที่เชื่อมถนนทุกที่ให้ทุกคนไปถึงได้ ซึ่งขณะนี้ทำตัวเดโมเสร็จแล้วและรอการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เริ่มมีลูกค้าจากหลายหน่วยงานให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น อีคอมเมิร์ซ ผู้ประกอบกิจการต่างๆ เป็นต้น

เตรียมใช้ Blockchain บนกระดานหุ้นสตาร์ทอัพ
ฝั่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ได้มีการออกมาพูดถึงว่า กำลังศึกษา Blockchain เตรียมนำมาใช้กับการซื้อ-ขายในกระดานหุ้นสตาร์ทอัพ จากการที่มีนักลงทุนในวงจำกัด จะทำให้การดูแลง่ายขึ้น ซึ่งกระดานดังกล่าวจะไม่กระทบกับการซื้อ-ขายของนักลงทุนในตลาดรวม

นอกจากนี้ ยังเตรียมจะออกแอพพลิเคชั่นใหม่เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนสำหรับกลุ่มผู้ที่ใกล้เกษียณอายุ และวัยทำงาน เพื่อทำการประเมินว่าหลังจากเกษียณอายุแล้ว จะมีเงินไว้ใช้เพียงพอหรือไม่ รวมถึงการสร้างการลงทุนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยมีแนวคิดจะทำระบบการออมหุ้นแบบรายเดือน เพื่อสร้างนิสัยการลงทุนให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ และจะทำงานร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อขยายฐานนักลงทุนให้เพิ่มขึ้น โดยภายในปี 2560 ตลาดหลักทรัพย์มีแผนจะขยายฐานนักลงทุนหน้าใหม่ในตลาดหุ้นเพิ่ม 1 แสนราย และผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ 1 หมื่นราย

จะเห็นว่า เป็นมิติใหม่ของการนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบบริการทางการเงินและตลาดทุนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่ง Blockchain มีบทบาทสำคัญอย่างมาก อีกในไม่ช้าคงจะเห็นบริการใหม่ๆ ออกมาให้ใช้อย่างแน่นอน

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

ธนาคารกรุงเทพรับสมัครสตาร์ตอัพ เข้าโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2

ธนาคารกรุงเทพร่วมกับบริษัท Nest ที่มากด้วยประสบการณ์ด้านสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค ค้นหาธุรกิจสตาร์ทอัพ 5 กลุ่ม …