การสวมใส่รองเท้าที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลให้ผู้สวมใส่เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะรองเท้าแฟชั่นในปัจจุบัน ที่ไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับอุ้งเท้าอย่างเหมาะสม เมื่อใส่เดินนานๆ อาจก่อให้เกิดอาการปวดเท้า ปวดเข่า ปวดหลัง หรือรองเท้ากัดได้ แต่หากซื้อรองเท้าสุขภาพที่วางขายตามท้องตลาดก็เจอกับดีไซน์ล้าสมัย
สุธิดา ตีรประเสริฐ หรือคุณจอย จึงสร้างสรรค์แบรนด์รองเท้าสุขภาพ Klas & Sylph (คลาส แอนด์ ซิลฟ์) ที่มีแนวคิดว่า สุขภาพเท้าที่ดีและแฟชั่นสามารถไปด้วยกันได้ จึงเป็นที่มาของแบรนด์รองเท้าแฟชั่นที่ผสานโครงสร้างเพื่อสุขภาพเท้าที่ดีและดีไซน์ทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
กว่าจะมาเป็น Klas & Sylph
ด้วยธุรกิจของครอบครัวที่ทำมายาวนานต่อเนื่องกว่า 30 ปี เป็นโรงงานผลิตรองเท้าแบบ OEM หรือรับผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาจะผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพเป็นหลัก เมื่อสุธิดา จบการศึกษาด้าน Management จาก Lancaster University ประเทศอังกฤษ เธอจึงพร้อมกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว โดยริเริ่มสร้างแบรนด์รองเท้าเพื่อสุขภาพร่วมกับน้องชาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า รองเท้าสุขภาพต้องมีดีไซน์ที่โมเดิร์น ทันสมัย สำหรับคนทุกวัย
สุธิดา เล่าว่า ปัญหาที่เราพบมาตลอดคือ ไม่มีรองเท้าเพื่อสุขภาพที่มีดีไซน์ทันสมัยสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงาน เพราะรองเท้าเพื่อสุขภาพที่เห็นทั่วไปตามท้องตลาดจะมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกัน มีเพียงสีน้ำตาล สีดำ สีครีม และสีขาวเท่านั้น เราจึงอยากเห็นรองเท้าสุขภาพที่วัยรุ่นและคนทั่วไปสามารถใส่ได้ ไม่ใช่เฉพาะเพียงผู้สูงอายุเท่านั้น
ลูกค้าจำนวนมากมาลองไซส์ที่ร้านแล้วกลับไปซื้อแบบออนไลน์ เนื่องจากดีไซน์กว่า 100 แบบ จึงไม่สามารถวางโชว์ได้ครบทุกแบบทุกสี
“สมัยที่โรงงานยังเป็น OEM จอยเองก็มีส่วนร่วมในการดีไซน์ด้วย แต่ข้อจำกัดคือ ดีไซน์ของจอยทันสมัยเกินกลุ่มผู้บริโภคของแบรนด์นั้นๆ ที่โฟกัสเฉพาะผู้สูงอายุ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วรองเท้าประเภทนี้ควรเริ่มใส่ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น ไม่ใช่เริ่มใส่ตอนที่เท้าเกิดปัญหาแล้ว เพราะบางคนเท้าผิดรูปไปตั้งแต่อายุยังน้อยเนื่องจากใส่รองเท้าผิดประเภทมาโดยตลอด”
หลากหลายช่องทางการจัดจำหน่าย
ลูกค้าส่วนมากจะเป็นกลุ่มอายุ 25-45 ปี ในช่วงแรกนอกจากเว็บไซต์แล้ว ยังเน้นโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดียไปพร้อมกันทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ซึ่งสุธิดาให้ความสำคัญกับเฟซบุ๊กเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากเป็นสื่อที่ผู้บริโภค ณ ขณะนี้เข้าถึงได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอย่างครบถ้วนนั้นสำคัญมาก เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นของจริง นอกจากนี้ยังมีนโยบายรับเปลี่ยนสินค้าในกรณีที่ยังไม่ตัดป้ายราคาออกเพื่อให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วใส่ไม่พอดีสามารถเปลี่ยนไซส์ได้
“จอยและทีมงานใหัความสำคัญกับการตอบคำถาม และให้ข้อมูลกับลูกค้าในโซเชีลมีเดีย หลายครั้งที่จอยตอบคำถามลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะเรารู้จักผลิตภัณฑ์ดีที่สุด เลยอธิบายข้อสงสัยให้คุณลูกค้าได้อย่างเต็มที่ สามารถแนะนำรุ่นที่เหมาะสม พร้อมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที เราพยายามบริหารและคุมงานส่วนใหญ่เองในช่วงแรก จะได้เข้าถึงลูกค้า เข้าใจถึงความต้องการ และปัญหาอย่างแท้จริงด้วยตนเอง เนื่องจากแบรนด์ Klas & Sylph เปรียบเสมือนลูกของเรา หากนำไปฝากคนอื่นเลี้ยงในช่วงแรก หากเกิดข้อผิดพลาด ก็ต้องโทษตัวเองที่ดูแลไม่ดี”
ฉบับที่ 197 เดือนพฤษภาคมกระเป๋าเงิน Virtual เชื่อมเศรษฐกิจดิจิตอล |
คุณสมบัติพิเศษของ Klas & Sylph
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ทำให้สามารถออกแบบให้ผู้ใส่ได้ประโยชน์ด้านสุขภาพมากที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินนานๆ จะได้รับสัมผัสที่นุ่มสบายและมั่นคงกว่ารองเท้าทั่วไป ทั้งนี้ 4 คุณสมบัติที่โดดเด่นสำหรับของเท้าสุขภาพของร้านคือ
- Arch Support เพื่อรองรับส่วนโค้งเว้าของฝ่าเท้า ช่วยกระจายแรงกดของร่างกาย ทำให้ไม่ปวดหลัง ปวดเอว ปวดฝ่าเท้า และส้นเท้าเวลาเดิน
- Bürlin Sole พื้นรองเท้าที่ทำจาก Polyurethane (PU) สูตรพิเศษ มีความโดดเด่นในความนุ่มที่กระชับและความยืดหยุ่นที่คงทน ที่สำคัญคือ เป็นวัสดุที่ยุบแล้วคืนตัว ทำให้เกิดความมั่นคงในการเดินอย่างต่อเนื่อง
- Heel Cup ที่สามารถรองรับแรงกดของร่างกายตรงส้นเท้า อันเป็นส่วนที่รับน้ำหนักมากที่สุด ช่วยกำหนดทิศทางการลงน้ำหนักของเท้าที่ถูกต้องตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยสร้างความสมดุลในการเดินอย่างต่อเนื่อง
- Toe Spring เพิ่มความยืดหยุ่นบริเวณเท้าด้านหน้าของรองเท้า ซึ่งสามารถโค้งเปลี่ยนรูปทรงตามการเคลื่อนไหวของเท้า ช่วยทำให้เท้าสามารถเคลื่อนไหวได้อยากเป็นธรรมชาติมากที่สุด จึงลดอาการปวดเมื่อยฝ่าเท้าและเอ็นร้อยหวาย
- Soft & Delicate Touch การคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น หนังแท้ หรือ Microfiber ที่มีสัมผัสนุ่มละมุนทำให้สวมใส่สบาย และไม่มีปัญหาเท้าพองหรือรองเท้ากัดเท้าใดๆ ที่สำคัญคือ เป็นวัตถุดิบที่สามารถโดนน้ำได้โดยไม่ยืดหรือเสียรูปทรง ทำให้ดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย
แบรนด์ไทยมุ่งหน้าโกอินเตอร์
ผลตอบรับจากหน้าร้านและระบบออนไลน์มาควบคู่กัน เพราะลูกค้าจำนวนมากมาลองไซส์ที่ร้านแล้วกลับไปซื้อแบบออนไลน์ เนื่องจากดีไซน์กว่า 100 แบบ จึงไม่สามารถวางโชว์ได้ครบทุกแบบทุกสี อีกทั้งปัจจุบันมีหน้าร้านอยู่ที่ Terminal 21 ชั้น 3 ห้อง 3022 ทำให้เธอสามารถเปิดตลาดไปยังลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น ล่าสุดเพิ่งเปิดอีกหนึ่งหน้าร้านที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น G เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังไปออกบูธตามงานแฟร์ ป็อปอัพสโตร์ ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อแนะนำแบรนด์ให้คนรู้จักมากขึ้น
ขณะนี้ นอกจากร้านในประเทศไทย ยังมีหน้าร้านที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมเว็บไซต์แยก เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารร่วมกับพาร์ตเนอร์ชาวสิงคโปร์ และในอนาคต ทางร้านวางแผนขยายตลาดไปยังประเทศใกล้เคียง โดยเริ่มจากเพิ่มภาษาในเว็บไซต์ อาทิ ภาษาจีน เกาหลี และญี่ปุ่น จากแต่เดิมที่มีรองรับแค่ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเชื่อได้เลยว่า Klas & Sylph จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่มีอนาคตไกลอย่างแน่นอน