ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ธุรกรรมออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือดจากแพล็ตฟอร์มผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ โดยฝั่งเทเลคอมอย่าง ทรูมันนี่ มีผู้ใช้งานในไทยอยู่ที่ 3 ล้านคน เผยยอดลูกค้าแต่ละรายมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 200 บาท ต่อครั้ง และมีความถี่ในการใช้เฉลี่ย 7 ครั้ง ต่อเดือน
โดยในปีที่ผ่านมา ได้ขยายบริการใน 6 ประเทศ คือ ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา เนื่องด้วยความต้องการบริการที่ทั่วถึง มีจำนวนลูกค้า 30 ล้านราย เงินหมุนเวียนในระบบ 158,500 ล้านบาท โดยใช้ 3 ช่องทางส่วนหลัก ได้แก่ Mobile Wallet, Kiosk, และ Agent network
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ ANT Financial Services Group กลุ่มธุรกิจในเครืออาลีบาบา และ Apple ในการซื้อสินค้าผ่านทาง App Store, Apple Music และ iTunes โดยการชำระเงินผ่านทรูมันนี่
จากการที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์เพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ถึงคราวที่ทรูมันนี่ต้องอัพตัวเองขึ้นอีกขั้น ขยายกระเป๋าออนไลน์ให้ใหญ่ขึ้น อัดฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามาให้ครอบคลุมการทำธุรกรรมทางการเงินทุกรูปแบบ นอกเหนือจากบริการที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การจ่ายบิล เติมเงินมือถือ โอนเงิน ชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น
ในอนาคตจะมีบริการที่ครบทีมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอนเงินให้ครอบครัว หรือเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างประเทศ ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองห้องพัก สั่งอาหาร ชำระเงิน และกู้ยืมเงิน หรือลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ รวมถึงกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ ผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ท
โดยปีนี้จะเน้นการเพิ่มบริการเกี่ยวกับเพย์เมนท์ โดยเฉพาะในเรื่องของการชำระเงินผ่าน QR ให้ครอบคลุมมากที่สุดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ รวมไปถึงการจ่ายเงินแท็กซี่ และมอเตอร์ไซต์รับจ้าง อีกทั้งยังจัดโปรโมชั่นกระตุ้นตลาดผ่านเซเว่นอีเลฟเว่น สำหรับผู้ที่ชำระเงินด้วยทรูมันนี่ วอลเล็ท รับเงินคืน 5%
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยในเมืองใหญ่จะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดในไม่ช้า ผู้บริโภคเริ่มจ่ายเงินผ่านการสแกน QR เพื่อชำระเงิน หากจุดรับชำระเงินมากขึ้น ความจำเป็นในการใช้เงินสดก็จะลดลง ดังนั้นเราจึงเน้นการสร้างแพล็ตฟอร์มให้มีฐานลูกค้ามาใช้งาน มากกว่าเน้นกำไร
ที่น่าสนใจ คือ กำลังจะเพิ่มสถานภาพจากที่เป็นเพียงเพย์เม้นท์ สู่บทบาทของ “นายหน้าเงินกู้” โดยมีแผนร่วมกับสถาบันการเงิน ทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างผู้กู้กับธนาคาร สร้างรายได้จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ผ่านเครือข่ายเซเว่น-อีเลฟเว่น 1 หมื่นสาขา และจุดบริการของทรูมันนี่ ที่ทำหน้าที่คอยรับชำระและจ่ายเงิน อีกกว่า 1 พันสาขา
ทั้งยังสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Data Analytics) และจัดเป็นเครดิตเรตติ้งสำหรับให้ธนาคารใช้ในการพิจารณา กำลังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เพื่อให้รัดกุม และชัดเจนมากที่สุด คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 โดยอาจจะใช้ชื่อ “แอสเซนต์ นาโน”
ด้าน ธุรกิจประกัน เป็นการต่อยอดการใช้จ่ายเงินสอดคล้องกับการชำระเงินออนไลน์ โดยจะเป็นลักษณะของการซื้อประกันภัยเป็นรายครั้ง เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นต้น
- ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนประชากรรวม 620 ล้านคน
- จำนวน 370 ล้านคน หรือราว 60% เป็นลูกค้าที่ไม่มีบัญชีธนาคาร
- จำนวน 600 ล้านคน หรือราว 90 % ไม่มีการลงทุน
- จำนวน 530 ล้านคน หรือราว 80 % ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เกิดการกู้เงินนอกระบบ
- จำนวน 530 ล้านคน หรือราว 85 % ใช้ชีวิตบนความเสี่ยงจากการไม่มีประกัน
