Watson IoT แพลตฟอร์มคลาวด์ เทคโนโลยีค็อกนิทิฟ

กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด

กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด

เทคโนโลยีค็อกนิทิฟ เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเข้าใจภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยตีความข้อมูลจากเว็บไซต์ เซ็นเซอร์ ภาพ เสียง และวิดีโอ ซึ่งสามารถเข้าใจความสัมพันธ์และเป็นเหตุเป็นผลของข้อมูลเหล่านั้นและยังสามารถเรียนรู้จากบริบทใหม่ๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์อีกด้วย

ไอบีเอ็ม นำความสามารถของเทคโนโลยี  ค็อกนิทิฟในรูปแบบเอพีไอ (Application Programming Interface: API) บนแพลตฟอร์มคลาวด์ “วัตสันไอโอที” (Watson IoT) มาต่อยอดพัฒนาระบบและการปฏิบัติการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ Internet of things (IoT) ในยุคที่สองสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลรูปแบบต่างๆ ที่มาจากหลายแหล่งได้ ด้วยผลลัพธ์แบบเรียลไทม์จากพลังประมวลผลของระบบคลาวด์ระดับโลก หลังจากที่ IoT ในยุคแรก เป็นความพยายามติดตั้งเซ็นเซอร์ลงบนอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ สายการผลิตในโรงงาน โครงข่ายไฟฟ้า อาคาร และถนน เป็นต้น เพื่อเชื่อมให้วัตถุต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้

อนาคต IoT จะเป็นแหล่งข้อมูลมหาศาล
ข้อมูลจาก ไอบีเอ็ม เปิดเผยว่า อุปกรณ์ Internet of things ราว 13,000 ล้านชิ้นที่เชื่อมต่อกันอยู่ทุกวันนี้ กำลังก่อให้เกิดข้อมูลปริมาณมหาศาลที่มีอัตราการเติบโตเร็วกว่าข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และข้อมูลที่ได้รับการสร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์ถึงสองเท่า ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันเหล่านี้จะมีปริมาณสูงถึง 29,000 ล้านเครื่องในปี พ.ศ. 2563 โดยที่ IoT จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งเดียวของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ และภายในปี 2568 ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะนำไปสู่มุมมองเชิงลึกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า 11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

แต่ได้มีการคาดการณ์ต่อว่า 88 เปอร์เซ็นต์ ของข้อมูลเหล่านี้กลับยังไม่ได้รับการนำมาใช้ประโยชน์แต่อย่างใด ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีคอมพิวติ้งในปัจจุบันที่ยังต้องประมวลผลตามชุดคำสั่งที่โปรแกรมไว้ (Programmable Computing) และไม่มีศักยภาพมากพอที่จะไขรหัสความซับซ้อนของข้อมูล IoT หรือวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ ขณะที่การจัดเก็บหรือเคลื่อนย้ายข้อมูลปริมาณมหาศาลยังเป็นภาระต้นทุนที่หนัก อีกทั้งยังไม่นับรวมข้อกำหนดและกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่อาจกลายเป็นอุปสรรคสำหรับการใช้คลาวด์คอมพิวติ้งขององค์กรอีกด้วย

CC4

ในยุคที่สอง สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลรูปแบบต่างๆ ที่มาจากหลายแหล่งได้ พร้อมสามารถให้ผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ด้วยพลังประมวลผลของระบบคลาวด์

ค็อกนิทิฟเป็นกุญแจไขรหัสสำคัญ
กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันไอบีเอ็มได้นำความสามารถอัจฉริยะของเทคโนโลยีค็อกนิทิฟ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเข้าใจภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยตีความข้อมูลจากเว็บไซต์ เซ็นเซอร์ ภาพ เสียง และวิดีโอ สามารถเข้าใจความสัมพันธ์และเป็นเหตุเป็นผลของข้อมูลเหล่านั้น และสามารถเรียนรู้จากข้อมูล และบริบทใหม่ๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย ในรูปแบบเอพีไอ (Application Programming Interface: API) บนแพลตฟอร์มคลาวด์ ที่เรียกว่า วัตสันไอโอที (Watson IoT) มาต่อยอด ทำให้ IoT ในยุคที่สอง สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลรูปแบบต่างๆ ที่มาจากหลายแหล่งได้ พร้อมสามารถให้ผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ด้วยพลังประมวลผลของระบบคลาวด์ระดับโลก

สำหรับชุดเอพีไอค็อกนิทิฟบนแพลตฟอร์มวัตสันไอโอทีที่นำเข้ามาต่อยอด IoT ในปัจจุบัน อาทิ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือภาษาที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (Natural Language Processing) ผู้ใช้สามารถปฏิสัมพันธ์กับระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยภาษาที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน เมื่อระบบได้รับข้อมูลคำถามก็จะเชื่อมโยงคำต่างๆ กับบริบทและคุณสมบัติ, แมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) ความสามารถประมวลผลข้อมูล รวมถึงมอนิเตอร์ข้อมูลและผู้ใช้ใหม่อัตโนมัติ เพื่อเรียนรู้จากแพทเทิร์นและรูปแบบการจัดลำดับความสำคัญที่เกิดขึ้นในอดีต ช่วยให้ระบบสามารถแนะนำแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับเหตุต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมี การวิเคราะห์วิดีโอ/ภาพ/เสียงเชิงลึก (Video/Image/Audio Analytics) ช่วยให้สามารถมอนิเตอร์ข้อมูลไร้โครงสร้างจากวิดีโอฟีดและภาพสแนปช็อตต่างๆ เพื่อระบุเหตุการณ์และแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นบนวิดีโอและภาพเหล่านั้น และการวิเคราะห์คำเชิงลึก (Text Analytics) ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลไร้โครงสร้าง อาทิ ข้อมูลการบำรุงรักษาเชิงเทคนิค คำพูดลูกค้าที่บันทึกระหว่างโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ คอมเมนต์จากบล็อกต่างๆ ข้อมูลทวีต เป็นต้น เพื่อหาความสัมพันธ์และแพทเทิร์นที่ซ่อนอยู่ในถ้อยคำดังกล่าว

ฉบับที่ 211 เดือนกรกฏาคม

แพลตฟอร์ม IoT หัวใจของข้อมูล

ช่วยเสริมศักยภาพงานขนส่ง ห้างสรรพสินค้า และรถไร้คนขับ
ทั้งนี้ ได้มีการนำวัตสันไอโอทีเข้าเสริมศักยภาพงานด้านต่างๆ เช่น ขนส่งของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าระดับโลก โดยบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าระดับโลกให้แบรนด์ชั้นนำแห่งหนึ่ง ได้ทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับแพลตฟอร์ม Watson IoT เพื่อผสานเทคโนโลยีค็อกนิทิฟและข้อมูลสภาพอากาศ ช่วยแสริมศักยภาพงานขนส่งสินค้า ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถเข้าใจคำถามในลักษณะคำพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และสามารถให้คำตอบบนพื้นฐานของข้อมูลสภาพอากาศจาก The Weather Company ได้ แต่สิ่งที่ก้าวล้ำกว่าคือ บริษัทสามารถฝึกให้แอพฯ นี้ตอบคำถามในสาขาและลักษณะที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นด้วย

ขณะที่ ห้างสรรพสินค้า ในปัจจุบันเริ่มมีการนำ IoT เข้ามาใช้ เช่น การติดเซ็นเซอร์เพื่อให้สามารถปรับระดับอุณหภูมิและควบคุมการใช้พลังงานได้ ทำให้ห้างฯ ในอนาคตสามารถรับรู้และควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง อาทิ เซ็นเซอร์ที่ติดอยู่ตามชั้นและจุดขาย กล้องวิดีโอวงจรปิด ลำโพงแบบ 2 ทางที่เป็นทั้งตัวรับและขยายเสียง จะเชื่อมต่อกับระบบเน็ตเวิร์กของห้างฯ และแอพฯ บนสมาร์ทโฟนที่ลูกค้าอนุญาตให้เชื่อมต่อได้ โดยมีเทคโนโลยีค็อกนิทิฟทำหน้าที่ผนวกรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ เข้ากับข้อมูลสภาพอากาศ ข่าวสาร สตรีมข้อมูลจากโซเชียล-เน็ตเวิร์ก และเทรนด์การซื้อ ช่วยให้ผู้จัดการห้างฯ สามารถเห็นความเป็นไปต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ห้างฯ ยังสามารถใช้แอพฯ ค็อกนิทิฟเพื่อช่วยให้สามารถให้บริการลูกค้าแต่ละรายตามลักษณะความชอบและพฤติกรรมการซื้อของพวกเขาได้อีกด้วย

ออลลี่ รถโดยสารไร้คนขับที่ใช้เทคโนโลยี Watson IoT ของไอบีเอ็ม

ออลลี่ รถโดยสารไร้คนขับที่ใช้เทคโนโลยี Watson IoT ของไอบีเอ็ม

และล่าสุด ไอบีเอ็ม ได้นำเทคโนโลยีค็อก-นิทิฟเข้าเสริมศักยภาพให้ รถไร้คนขับ “ออลลี่” ที่พัฒนาขึ้นโดยลอคัลมอเตอร์ส (Local Motors) โดยมีการติดตั้งเซ็นเซอร์บนรถกว่า 30 จุด และมีการนำเอพีไอ Watson Speech to Text, Natural Language Classifier, Entity Extraction และ Watson Speech to Text บนแพลตฟอร์คลาวด์ วัตสันไอโอทีเข้ามาใช้ ทำให้ระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางและปรับรูปแบบการให้บริการให้เหมาะกับความต้องการของผู้โดยสารในแต่ละจุดที่มีการให้บริการได้ นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังสามารถสื่อสารกับรถ รวมถึงถามคำถามเกี่ยวกับการทำงานของรถ ถามข้อมูลร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียง รวมถึงสอบถามว่ารถมาถึงตำแหน่งที่ต้องการหรือยัง ช่วยให้รถสามารถเข้าใจและตอบคำถามผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่เพลิดเพลินสะดวกสบาย

แนะ 3 เรื่องสำคัญ ให้องค์กรใช้ IoT ต่อยอดธุรกิจ
กิตติพงษ์ ให้ข้อมูลต่อว่า สำหรับการใช้ประโยชน์จาก IoT ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจในอนาคต องค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ นับล้านเครื่องทั่วโลกได้โดยง่าย สามารถเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยทำงานบนคลาวด์ที่รองรับการประมวลผลขั้นสูงและมีระบบความปลอดภัยสูง และอยู่บนแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีเปิด (Open-Source) เพื่อเอื้อแก่การพัฒนาต่อยอดในอนาคต รวมทั้งต้องนำความสามารถของอนาไลติกส์และค็อกนิทิฟเข้ามาช่วยแปลงข้อมูลมหาศาลเหล่านี้เป็นมุมมองเชิงลึกสำหรับธุรกิจด้วย

อุปกรณ์ Internet of Things ในอนาคต

อุปกรณ์ Internet of Things ในอนาคต

ปัจจุบัน ศูนย์วิจัยไอบีเอ็มยังได้เข้าร่วมโครงการ Future Internet Business Collaboration Networks (Flspace) อันเป็นหนึ่งในโครงการ Seventh Framework Programme (FP7) ของสหภาพยุโรป เพื่อร่วมพัฒนาแพลตฟอร์ม IoT ที่องค์กรในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร การเกษตร คมนาคม และการขนส่ง สามารถเชื่อมกันได้อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพ เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำไปสู่ระบบนิเวศที่เอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมไอที

2. องค์กรในอนาคตควรใช้ซอฟต์แวร์และบริการที่สามารถผนวกรวมข้อมูล IoT เข้ากับข้อมูลภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในระบบปฏิบัติการที่เป็นต้นตอของปัญหาธุรกิจ และเพื่อต่อยอดไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสามารถเชื่อมต่อกันได้ ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าและสร้างประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์และบริการในแบบที่ลูกค้าต้องการได้

และ 3. องค์กรต้องกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการนำ IoT มาช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งนอกจากจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อให้เกิดมุมมองเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ทางธุรกิจแล้ว องค์กรจะต้องสร้างคลังข้อมูลความรู้ เพื่อประโยชน์ทั้งในแง่เสริมศักยภาพธุรกิจและการพัฒนาบุคลากรอีกด้วย

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

Samsung ออกอุปกรณ์ GPS ติดตามสัตว์เลี้ยง

Samsung เปิดตัวอุปกรณ์ GPS ขนาดเล็กเน้นใช้ติดตามสัตว์เลี้ยง, ติดบนของมีค่าเผื่อว่าถูกโจรกรรมหรือออกนอกเส้นทาง, หรือใช้สั่งเครื่องไฟฟ้าในบ้านระยะไกล