แม้ทุกวันนี้ผู้บริโภคจะเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้อิงค์เจ็ทพรินเตอร์แบบตลับหมึกและเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำรุ่นเล็ก มาใช้อิงค์แท็งค์พรินเตอร์ เพราะต้องการประหยัดต้นทุนการพิมพ์ ต่อแผ่น ต้องการพิมพ์สี และพิมพ์ในปริมาณที่สูงขึ้น แต่เอปสัน ประเทศไทย สามารถทำยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์แท็งก์พรินเตอร์เพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ และยังรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 46 เปอร์เซ็นต์
โดยในปีงบประมาณ 2560 เอปสันได้ใช้งบประมาณลงทุนราว 5.4 หมื่นล้านเยน หรือคิดเป็น 5.2 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประมาณการตลอดทั้งปี ไปกับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา ตามวิสัยทัศน์ Epson 25 โดยตั้งเป้าให้ปี 2025 (พ.ศ.2568) เป็นปีที่สามารถสร้าง Connected Age หรือยุคแห่งการเชื่อมโยงคน สิ่งของ และข้อมูลเข้าด้วยกัน ผ่าน 4 เทคโนโลยี ได้แก่ พรินเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารทางภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัว และหุ่นยนต์ ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา ทั้ง 4 กลุ่มเทคโนโลยีเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจของเอปสันเติบโตได้ด้วยดี
สำหรับในปี 2561 เอปสันยังคงเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจเป็นหลัก ตั้งแต่ธุรกิจ SMEs ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ผ่านกลยุทธ์ทางธุรกิจ 4 ด้าน ได้แก่
ส่วนธุรกิจพรินเตอร์จะยังคงนำเสนออิงค์เจ็ทพรินเตอร์เป็นหลัก เพื่อตอบรับความต้องการด้านการพิมพ์ในธุรกิจทุกขนาดแล้ว ขณะที่ธุรกิจโปรเจคเตอร์จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 5 รุ่น ทั้งในส่วนของเลเซอร์โปรเจคเตอร์ที่มีทั้งความทนทานใช้งานได้นาน ถึง 20,000 ชั่วโมง ทั้งยังใช้ LCD Panel และ Phosphor Wheel แบบ Inorganic ที่ทนความร้อนสูงได้นาน ทำให้ สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยยังฉายภาพที่สวยสดใส คุณภาพไม่ตก มีประสิทธิภาพในการฉายภาพ ระดับ 4K
จากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ทำให้หลายอุตสาหกรรมตื่นตัวในการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในสายการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตผล ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ลดต้นทุน และ พัฒนาศักยภาพการทำงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าภาคการผลิตของประเทศไทยราว 50 เปอร์เซ็นต์ จะเริ่มใช้งานหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติภายใน 1 – 3 ปี ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางจะพร้อมในอีก 3 – 5 ปี
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไปด้านการขาย ผลิตภัณฑ์ และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า เอปสันได้เริ่มนำหุ่นยนต์แขนกล SCARA Robot และ 6-Axis Robot เข้ามาทำตลาด ซึ่งเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง ใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ดี เพราะมีขนาดกระทัดรัด โดยเฉพาะ 6-Axis Robot เป็นแขนกล 6 แกนหมุนอิสระ ทำงาน ได้ใกล้เคียงกับแขนคน มีความยืดหยุ่น ทั้งยังใช้ระบบควบคุมการเคลื่อนไหว ช่วยลดความสั่นสะเทือนและเข้าถึง ตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีระบบ Vision ช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้และแยกแยะประเภทวัตถุ ตรวจสอบ คุณภาพและรับรู้ตำแหน่งวัตถุ หุ่นยนต์จะหยิบจับหรือประกอบชิ้นงานได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
“ในปีนี้เราจะโฟกัสผลิตภัณฑ์กลุ่มหุ่นยนต์มากขึ้น เนื่องจากการรับรู้เรื่องหุ่นยนต์ยังไม่ใหญ่มาก โดยเชื่อว่าอีก 3 ปี หุ่นยนต์จะมีสัดส่วนมากขึ้นเป็น 1-2 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนธุรกิจไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ โดยมีตลาดเป้าหมายสำคัญที่กลุ่มโรงงานผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์” ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไปด้านการขาย ผลิตภัณฑ์ และการตลาด เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าว