บริการส่งสินค้า เสริมตลาดอีคอมเมิร์ซไทย


ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ ส่วนหนึ่งมาจากบริการโลจิสติกส์ที่ไม่ได้คุณภาพ ทำให้ Niko’s logistics ใช้ประสบการณ์ที่มีลดช่องว่างของการจัดส่งสินค้าด้านอาหารให้กับ Towrai.com ทางด้าน DHL ก็เปิดให้บริการจัดส่งสินค้าภายในประเทศไทย รองรับการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซไทย

นิติเขต สลับลึก ผู้ร่วมก่อตั้ง Niko’s Logistics / พอล มารินัส แวนเอล ผู้ร่วมก่อตั้ง Niko’s Logistics / ปุญญามาลย์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเว็บไซต์ Towrai.com

นิติเขต สลับลึก ผู้ร่วมก่อตั้ง Niko’s Logistics / พอล มารินัส แวนเอล ผู้ร่วมก่อตั้ง Niko’s Logistics / ปุญญามาลย์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเว็บไซต์ Towrai.com

ที่ญี่ปุ่นมีการพัฒนาเรื่องบริการส่งอาหารไปไกลแล้ว เชื่อว่าจากนี้จะเห็นเทรนด์การส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารในไทยมากขึ้น แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่เห็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์เข้ามาทำการตลาดตรงส่วนนี้มากนัก

โลจิสติกส์ ส่วนเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
พอล มารินัส แวนเอล ผู้ร่วมก่อตั้ง Niko’s Logistics กล่าวว่า นอกจากการให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรและเป็นที่ปรึกษาด้านการวางแผนการตลาดให้กับแบรนด์ต่างๆ แล้ว Niko’s logistics ได้นำประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการทำโลจิสติกส์และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มาสนับสนุนธุรกิจใหม่ภายใต้ Towrai.com เว็บไซต์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Urban Lifestyle  ที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น Beauty, Gadget, Fashion, Home เสริมจุดเด่นด้วยการนำเสนอสินค้าออร์แกนิค ที่จะช่วยตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคทั้งด้านการซื้อสินค้าออนไลน์และบริการจัดส่งอย่างสมบูรณ์

นิติเขต สลับลึก ผู้ร่วมก่อตั้ง Niko’s Logistics กล่าวว่า จากจุดเด่นของ Towrai.com ที่เน้นการขายสินค้าและวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิค ซึ่งมีทั้งเนื้อสัตว์ น้ำผลไม้ นม หรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติต่างๆ ทำให้การจัดส่งสินค้าจำเป็นจะต้องมีระบบการเก็บรักษาในแบบเฉพาะ เพื่อให้สินค้ายังคงคุณภาพไว้อย่างครบถ้วนก่อนส่งถึงมือลูกค้า

“ในการจัดส่งสินค้าที่เป็นอาหารสด หรือของเหลวในระบบการขนส่งทั่วไปถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ด้วยระบบการแพ็คสินค้าที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน และต้นทุนการจัดส่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ส่วนใหญ่มักจะปฏิเสธการส่งสินค้าในประเภทดังกล่าว Niko’s logistics และ Towrai.com จึงเป็นส่วนสนับสนุนกัน ด้วยการมอบบริการที่ดีและราคาที่สมเหตุสมผลเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยมีบริการจัดส่งสินค้าในวันถัดไป และบริการส่งสินค้าฟรีหากยอดสั่งซื้อสินค้ามากกว่า 650 บาท ซึ่งนอกจากการเป็นส่วนสนับสนุนให้ Towrai.com แล้ว Niko’s ยังให้บริการกับอีคอมเมิร์ซรายอื่นๆ อีกด้วย”

ตลาดโลจิสติกส์ไทยยังโต
ปุญญามาลย์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เว็บไซต์ Towrai.com และกรรมการสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดโลจิสติกส์ในปีนี้มองว่า จะสามารถเติบโตไปได้อีกมาก ซึ่งในส่วนของ Niko’s logistics มีแผนที่จะขยายระบบการขนส่งสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยการขยายเซ็นเตอร์ไปตามจุดต่างๆ และใช้พนักงานของตนเองทั้งหมด ภายในระยะเวลา 1- 2 ปี เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบัน Niko’s ให้บริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ โดยใช้พนักงานจัดส่งของตนเองในการส่งสินค้าเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีพาร์ตเนอร์ในส่วนของต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังเตรียมขยายการจัดส่งสินค้าในกลุ่มของอาหารให้กับอีคอมเมิร์ซรายอื่นๆ มากขึ้น

“ที่ญี่ปุ่นมีการพัฒนาเรื่องบริการส่งอาหารไปไกลแล้ว เชื่อว่าจากนี้จะเห็นเทรนด์การส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารในไทยมากขึ้น แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่เห็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์เข้ามาทำการตลาดตรงส่วนนี้มากนัก เนื่องจากยังไม่มีตัวเลขการเติบโตที่แน่ชัด อีกทั้งต้องใช้ต้นทุนในการจัดส่งสูง แต่เชื่อว่าภายใน 1-2 ปี ธุรกิจโลจิสติกส์ต่างๆ จะต้องปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการส่วนนี้มากขึ้น”

e206

ฉบับที่ 206 เดือนกุมภาพันธ์

การแข่งขันบริการ Streaming บน 4G

นำอีคอมเมิร์ซไทยขยายตลาดต่างประเทศ
พอล กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน Towrai.com มีสินค้าที่วางจำหน่ายบนเว็บไซต์กว่า 1,300 รายการ และตั้งเป้ามีสินค้ามากกว่า 1 หมื่นรายการ ในไตรมาสแรกของปี 2559 โดยการเข้าไปจับมือกับผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs เพื่อนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายบนเว็บไซต์ทั้งในแบรนด์ของผู้ผลิต และนำมาทำ House Brand ภายใต้ชื่อ Urban Market BKK เพื่อส่งเสริมให้ SMEs ไทยมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าบนออนไลน์ รวมไปถึงโอกาสในการขยายตลาดในต่างประเทศ

“เรามีแพลนที่จะจัดตั้งบริษัทและเปิดเว็บไซต์ Towrai.com ที่ประเทศสิงคโปร์ขึ้น เพื่อนำสินค้าจากผู้ผลิตไทยที่มีคุณภาพไปวางจำหน่ายให้กับผู้บริโภคชาวสิงคโปร์ สำหรับแผนการดำเนินงานนี้จะทำไปพร้อมๆ กับการทำแผนการตลาดในไทย โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และในอนาคตอาจมีการขยายบริการขนส่งของ Niko’s ในตลาดสิงคโปร์อีกด้วย”

ด้าน DHL ผู้นำด้านโลจิสติกส์ระดับโลก ภายใต้กลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล (Deutsche Post DHL Group – DPDHL) ซึ่งให้บริการธุรกิจต่างๆ ได้แก่ Deutsche Post, DHL Express, DHL Global Forwarding, DHL Supply Chain และ DHL E-Commerce ได้ลงทุนขยายการให้บริการการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจร (end-to-end) เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเช่นกัน ในชื่อ DHL E-Commerce

มัลคอล์ม มอนเตโร ประธานกรรมการบริหาร ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

มัลคอล์ม มอนเตโร ประธานกรรมการบริหาร ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โธมัส คิปป์ ประธานกรรมการบริหาร ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ

โธมัส คิปป์ ประธานกรรมการบริหาร ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ

เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย

เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย

 

เผยกลยุทธ์ 2020 เปลี่ยน Mail เป็น Post – eCommerce – Parcel
โธมัส คิปป์ ประธานกรรมการบริหาร ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ กล่าวว่า สำหรับ DHL E-Commerce ในประเทศไทย เป็นหนึ่งในต้นแบบกลยุทธ์ 2020 โดยบริษัทได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มธุรกิจ Mail เป็น Post – eCommerce – Parcel เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการในการเข้าถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ช่วยลดปัญหาและอุปสรรคด้านการจัดส่งที่ไม่ตอบโจทย์ ด้วยระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์มีความคล่องตัวขึ้น

DHL E-Commerce จะให้บริการจัดส่งสินค้าถึงมือ ผู้รับในวันถัดไปในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และบริการจัดส่งสินค้าภายใน 2 – 3 วันสำหรับเขตพื้นที่อื่นๆ อีกทั้งมีระบบติดตามแสดงสถานะพัสดุให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery – COD) และศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ได้อีกด้วย โดยมีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งมีเครือข่ายสถานีกระจายสินค้ากว่า 20 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะขยายสถานีกระจายสินค้าให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าภายในปี พ.ศ.2560

โลจิสติกส์ช่วยเพิ่ม ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ
มัลคอล์ม มอนเตโร ประธานกรรมการบริหาร ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า แม้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันจะมีมูลค่าสูงถึงหลายหมื่นล้านบาท แต่มูลค่าส่วนแบ่งของอีคอมเมิร์ซในตลาดค้าปลีกของไทย ยังมีตัวเลขที่น้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการเจริญเติบโตสูง โดยมูลค่ารวมจากอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีมูลค่าเพียง 1.7 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ขณะที่ประเทศจีนมีมูลค่าสูงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าในปี 2020 จะสามารถเติบโตเป็น 3.5 เปอร์เซ็นต์ได้ และภายในปี พ.ศ. 2563 คาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นกว่า 3 เท่า และมีมูลค่าสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท

“ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยตัวเลขการเติบโตของตลาดที่คาดว่าจะโตมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี (ตั้งแต่พ.ศ. 2557 – 2563) จึงมีความเป็นไปได้ว่าธุรกิจ SMEs จะเริ่มขยายกิจการมาสู่การขายออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้จากความสำเร็จของ DHL ในประเทศอินเดียและจีนแสดงให้เห็นว่า ด้วยการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงระบบการจัดส่งแบบครบวงจรที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดอีคอมเมิร์ซ ทั้งในส่วนผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย ไปจนถึงกลุ่มบริษัทใหญ่ที่มีเครือข่ายในหลากหลายประเทศ”

ระบบจัดส่งที่ดีคือคำตอบของธุรกิจออนไลน์
เกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ระบบการจัดส่งที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องมีบริการโลจิสติกส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อและมีมาตรฐานในการบริการที่ดี จึงเชื่อว่าการเปิดตัว DHL E-Commerce จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีข้อได้เปรียบและสร้างจุดขายได้

“DHL E-Commerce จะเน้นเรื่องความคุ้มค่าและคุณภาพในการให้บริการเป็นหลัก พร้อมทั้งมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยมีเป้าหมายไปที่ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง สำหรับสินค้าที่ใช้บริการ DHL จะมีทั้งกลุ่มเสื้อผ้า แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และสินค้าไอที โดยมีปริมาณการซื้อต่อครั้งจะอยู่ที่ 500-3,000 บาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระบบการจัดส่งที่ดีถือเป็นหัวใจสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ  ดังนั้น ผู้ประกอบการในไทยและผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดจากบริการ DHL E-Commerce แน่นอน”

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

Jet.com ปรับใหญ่-สะท้อนเทรนด์เว็บช้อปปิ้งยุคนี้

เว็บช้อปปิ้ง Jet.com ปรับระบบใหม่ แสดงสินค้าต่างๆกันไปตามเมือง, ต่างกันไปตามหมวด เช่นหมวดเสื้อผ้าจะมีรูปและคลิปคนใส่จริง, และสับเปลี่ยนหน้าเว็บตามเวลากลางวัน-กลางคืนด้วย