ในโลกของพลังงานเริ่มมีการปฎิรูปด้วยการนำเทคโนโลยี Internet of Things เข้าไปช่วยพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมนี้ให้สามารถเติบโต และลดค่าใช้จ่ายในลง รวมถึงกระแสของผู้บริโภคยุคใหม่ หรือ โปรซูเมอร์ ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เอง IoTs ก็จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้เช่นกัน
มาร์ค เพลิทิเยร์ ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการตื่นตัวในการปฏิรูปธุรกิจแบบดั้งเดิมสู่ดิจิทัล ไม่ได้เพียงเข้ามาเสริมของกระบวนการทำงาน แต่ยังเข้ามาเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปการทำงาน จึงคิดค้นสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานด้าน IoTs ใน 6 สาขาหลัก ได้แก่ พลังงาน ไอที อาคาร เครื่องกล โรงงาน และโครงข่ายไฟฟ้า
โดยทาง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ยกตัวอย่าง EcoStruxure แพลตฟอร์มที่เป็นหัวใจของ IoTs ช่วยให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ สินทรัพย์ด้วยการใช้โปรโตคอลการสื่อสารแบบอิงมาตรฐาน ทำให้อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ สามารถทำการวิเคราะห์และให้ข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
ทั้งยังช่วยให้หน่วยงาน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนนักพัฒนา นักออกแบบ ในการติดตั้งระบบสามารถประยุกต์สร้างแอปพลิเคชั่นต่างๆ เฉพาะของธุรกิจตนเอง ทำให้องค์กรธุรกิจปรับต่อเทรนด์พลังงานที่เปลี่ยนแปลง และกระแสของดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นได้
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวแคมเปญ Bold Idea ภายใต้หัวข้อ ‘40 Years for 4.0 Life’ กระตุ้นให้องค์กรธุรกิจเกิดตระหนักการนำเทคโนโนโลยีมาใช้สร้างเพิ่มประสิทธิภาพ และความยั่งยืนให้กับองค์กรของตน เป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
โดยเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในอุตสาหกรรม เข้าร่วมส่งโครงการที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรของตนไปสู่ดิจิทัล อันจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย แบ่งการนำเสนอโครงการเป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ ที่พักอาศัย อาคารและเมือง อุตสาหกรรม และไอที ผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภท จะได้รับแพคเกจทัวร์เยี่ยมชมอาคารประหยัดพลังงานระดับโลกของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ณ ประเทศฝรั่งเศส ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.schneider-electric.co.th/seth40