เป้าหมายสูงสุดของหัวเว่ยกรุ๊ป (Huawei Group) คือ การก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2020 ทั้งในตลาดโลกและไทย เพราะประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งใน Strategic Country ของหัวเว่ย ที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ Huawei Open Lab การขยายช่องทางการขายและการให้บริการ และการสื่อสารทางการตลาดเพื่อสร้างคอมมูนิตี้ผู้ใช้หัวเว่ย
เปิดกลยุทธ์แข่งขันในตลาดโลก
ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในการเดินตามนโยบายของบริษัทแม่หัวเว่ยปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยใช้โมเดล Global Innovation Hive ผ่าน 4 กลยุทธ์ ได้แก่
- การดำเนินธุรกิจในรูปแบบของบริษัทเอกชน (Privately Held) ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ขับเคลื่อนธุรกิจได้รวดเร็ว
- การใช้องค์ความรู้โดยรวม (Collective Wisdom) ด้วยการมี CEO 3 คน ที่เปลี่ยนทุก 6 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินใจแบบเผด็จการ
- ให้พนักงานมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ (Employee-Owned) โดย 99 เปอร์เซ็นต์ ถือหุ้นโดยพนักงาน
- เปิดรับองค์ความรู้ใหม่จากทั่วโลก (Open Integration) ด้วยพนักงานที่มาจากหลากหลายประเทศ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น Leica
สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้
หลังจากที่หัวเว่ย สร้าง Brand Awareness เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคแล้ว จากนี้จะโฟกัสที่การสร้าง Best Customer Experience สร้างความรักในแบรนด์ เพื่อนำไปสู่การสร้างสาวกแบรนด์ (Brand Advocacy) ในที่สุด ด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ Innovation การพัฒนานวัตกรรม , Quality คุณภาพและความปลอดภัย , Openness การรับฟังผู้บริโภค และ Social Responsibility การตอบแทนคืนสู่สังคม
“ถ้าลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดี เขาจะพูดถึงแบรนด์ โดยจะเห็นว่ามีคอมมูนิตี้ของแฟน Huawei ที่สร้างขึ้น ขณะที่ทาง Huawei เองเข้าไปทำกิจกรรมกับแฟนคลับมากขึ้น รวมถึงมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย เพื่อเข้าไปตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค” ทศพรกล่าว
Mobile AI ยุคใหม่ของสมาร์ทโฟน
ด้านการพัฒนานวัตกรรม ล่าสุด หัวเว่ยได้เปิดตัวชิปเซ็ต Kirin 970 ในงาน IFA 2017 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และต่อมาในเดือนตุลาคม หัวเว่ยประเทศไทยได้เปิดตัว Huawei Mate 10 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ชิปเซ็ตดังกล่าว
ชิปเซ็ต Kirin 970 ถูกพัฒนาให้มีเทคโนโลยี Mobile AI (Mobile Artificial Intelligence) ทำให้สมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพ และฉลาดในตัวเองมากยิ่งขึ้น โดย Mobile AI เป็นการใช้งานเทคโนโลยี AI แบบ Cloud AI และ On-Device AI ร่วมกัน เพื่อให้ระบบทั้งสองมีการทำงานที่สอดรับกันอย่างลงตัว เกิดเป็นการใช้งานรูปแบบใหม่ที่สามารถมอบการใช้งานที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้
ตัวอย่างที่จะเห็นได้ชัด จะเป็นการเสริมประสิทธิเรื่องการถ่ายภาพ ที่พัฒนากล้องให้เป็น AI Vision ทำให้ตัวกล้องจับโฟกัสได้รวดเร็วในทุกจังหวะ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของ Motion Shooting ที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งได้ทันทีอีกด้วย