ความท้าทายผู้ค้าไทย หลังมูลค่าอีคอมเมิร์ซพุ่ง

ข้อมูลจากผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ปี 2560 ที่จัดทำโดย ETDA ระบุว่า ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ 50.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการขยับขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 5 กิจกรรมยอดฮิตเป็นครั้งแรก จากเดิมที่อยู่ในอันดับที่ 8 ในปีก่อน น่าสนใจว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ล่าสุดในการสำรวจมูลค่าอีคอมเมิร์ซไทยปี 2559 พบว่า มีมูลค่าถึง 2.56 ล้านล้านบาทแล้ว ขณะเดียวกันอัตราการเติบโตของมูลค่าอีคอมเมิร์ซประเภท B2C ของไทยเติบโตสูงสุดในอาเซียนอีกด้วย นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อแข่งขันได้

อีคอมเมิร์ซไทยมูลค่าแตะ 2.56 ล้านล้านบาท

แต่ก่อนจะพูดถึงปัจจัยที่ส่งเสริมให้อีคอมเมิร์ซเติบโตมากขึ้น มาดูตัวเลขมูลค่าอีคอมเมิร์ซในปี 2559 ซึ่งผลสำรวจบอกว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น 2,560,103.36 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นมูลค่าอีคอมเมิร์ซประเภท B2B ประมาณ 1,542,167.50 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.24 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็นมูลค่าของประเภท B2C จำนวนมากกว่า 703,331.91 ล้านบาท หรือ 27.47 เปอร์เซ็นต์ และส่วนที่เหลือเป็นมูลค่าจากธุรกิจประเภท B2G ราว 314,603.95 ล้านบาท หรือ 12.29 เปอร์เซ็นต์

จะเห็นว่าในปี 2559 มูลค่าอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น 14.03 เปอร์เซ็นต์จากปี 2558 และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2560 จะเติบโตขึ้น 9.86 เปอร์เซ็นต์

มูลค่า B2C ไทยโตสูงสุดในอาเซียน
โดยจากมูลค่าอีคอมเมิร์ซของประเภท B2C จำนวน 703,331.91 ล้านบาท ทำให้เป็นไทยเป็นอันดับ 1 แซงหน้าประเทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียน มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ด้วยอัตราการเติบโตที่ 37.91 เปอร์เซ็นต์

เปรียบเทียบมูลค่าอีคอมเมิร์ซประเภท B2C ปี 2559 ไทยแซงหน้าประเทศอื่นๆในอาเซียน

ทั้งนี้ ETDA คาดการณ์ว่าปี 2560 อัตราการเติบโตของมูลค่าอีคอมเมิร์ซไทยจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีมูลค่ารวมประมาณ 2,812,592.03 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าอีคอมเมิร์ซในธุรกิจประเภท B2C คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 812,612.68 ล้านบาท

มูลค่าอีคอมเมิร์ซ 8 กลุ่มอุตสาหกรรม

เมื่อเจาะลึกไปยังส่วนแบ่งมูลค่าอีคอมเมิร์ซตามประเภทอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม พบว่า อุตสาหกรรมการค้าปลีกและการค้าส่ง มีมูลค่าอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับ  1 ด้วยมูลค่า 713,690.11 ล้านบาท คิดเป็น 31.78 เปอร์เซ็นต์ โดยสินค้าและบริการที่ขายดีที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า , จำหน่ายอาหาร อาหารแปรรูป และเครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง อาหารเสริม น้ำหอมและอุปกรณ์ความงาม

มูลค่าอีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ได้แก่ อุตสาหกรรมการให้บริการที่พัก มีมูลค่า 607,904.89 ล้านบาท 27.07 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 3 อุตสาหกรรมการผลิต มีมูลค่า 428,084.73 ล้านบาท 19.06 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 4 อุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร มีมูลค่าอีคอมเมิร์ซ 404,208.00 ล้านบาท 16.25 เปอร์เซ็นต์

อันดับ 5 อุตสาหกรรมการขนส่ง มีมูลค่า104,904.28 ล้านบาท 4.22 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 6 อุตสาหกรรมศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการ มีมูลค่า 19,716.04 ล้านบาท 0.79 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 7 อุตสาหกรรมบริการอื่นๆ มีมูลค่า 11,280.33 ล้านบาท 0.45 เปอร์เซ็นต์ และอันดับสุดท้าย อุตสาหกรรมการประกันภัย มีมูลค่า 2,729.65 ล้านบาท 0.11 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ ETDA คาดว่าในปี 2560 อันดับของมูลค่าอีคอมเมิร์ซใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมจะยังคงไม่แตกต่างจากปี 2559 แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่อีคอมเมิร์ซจะเติบโตขึ้นอีกมาก

3 อันดับอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าอีคอมเมิร์ซมากที่สุด ได้แก่ ค้าปลีกและค้าส่ง การให้บริการที่พัก และการผลิต

เปิด 4 ปัจจัยหนุนอีคอมเมิร์ซเติบโต

เปิด 4 ปัจจัยหนุนอีคอมเมิร์ซเติบโต

การที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเกือบทุกอุตสาหกรรมมีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี เป็นผลมาจากการส่งเสริมจากนโยบายภาครัฐที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล และโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอินเทอร์เน็ตและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงปัจจัยสนับสนุน 4 ข้อ ได้แก่

  • การสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐเพื่อผลักดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในประเทศ โดยสนับสนุนและเร่งพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถค้าขายออนไลน์ได้จริง รวมถึงพัฒนาให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากขึ้น
  • การที่ผู้ประกอบการหันมาเพิ่มช่องทางการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางคอมเมิร์ซ ผู้ประกอบการต้องสร้างช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการใช้ช่องทางที่หลากหลาย
  • การเติบโตด้านตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยมีแนวโน้มและศักยภาพในการเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมากในอนาคต ด้วยพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 ชั่วโมงต่อวัน และกิจกรรมการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อซื้อสินค้าและบริการผ่านอีคอมเมิร์ซมีมากขึ้น ผู้บริโภคเริ่มยอมรับว่าอีคอมเมิร์ซมีข้อได้เปรียบมาก
  • การที่นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ทั้งนักลงทุนด้าน e-Marketplace, e-Logistics, e-Payment จากจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่เข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน

โอกาสและความท้าทายของอีคอมเมิร์ซไทย

อย่างไรก็ตาม ETDA  ได้ฝากถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ และประชาชน ในการร่วมกันคิดเพื่อพัฒนาอีคอมเมิร์ซไทย โดยมองว่าประเด็นต่อไปนี้ เป็นความท้าทายในการผลักดันอีคอมเมิร์ซไทยให้เติบโต

  • การเข้ามาของยักษ์ใหญ่ต่างประเทศ เป็นโอกาสปล่อยสินค้าไทยสู่ต่างประเทศ
  • ต้องดูแล Local Business , Local Marketplace ของไทยให้อยู่รอดในยุคดิจิทัล
  • ระบบชำระเงิน การขนส่ง ระบบ Logistics &Supply chain ที่เป็นหัวใจของอีคอมเมิร์ซ จะทำอย่างไรให้ดีขึ้นได้อย่างไร
  • การสร้างแรงงานคนดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และ IT เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในปัจจุบัน และสังคมยุค Digital Economy
  • บริการหลังการขายของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ต้องเทียบเท่ารีเทล/หน้าร้าน
  • การพัฒนา Hard infrastructure โครงข่าย Internet ของประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นในอีคอมเมิร์ซ

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

กระแสนิยม O2O จากจีน สู่การเปลี่ยนแปลงตลาดออนไลน์ในไทย

ETDA ได้คาดการณ์ว่า ปี 61 ประเทศไทย การค้าในรูปแบบ E-Commerce ในปัจจุบัน จะเติบโตถึง 3 ล้านล้านบาท ซึ่งหลาย ๆ คนคิดว่าเป็นการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ในปัจจุบัน แต่ตอนนี้...