วงการรถยนต์พลังไฟฟ้าหรือ EV (Electric Vehicle) นั้นถือว่ากำลังอยู่ในช่วงแจ้งเกิดและโตเร็วอย่างน่าจับตา โดยเฉพาะเมื่อล่าสุดหุ้น Tesla ราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งในระยะยาวถือว่าขึ้นมาราว 200 เท่าได้แล้ว มีผลให้ผู้ก่อตั้งคือ Elon Musk เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก
นั่นทำให้บริษัทผู้ผลิตรถค่ายใหญ่ๆอยู่เฉยไม่ได้ พากันบุกตลาดนี้บ้าง ทั้ง Honda, Nissan, Ford, GM, BMW, Volkswagen, ฯลฯ รวมถึง Toyota ที่มองข้าม EV มานานก็ยังปแระกาศจะบุกตลาดนี้บ้าง แต่จะใช้แบตเตอรี่ที่ต่างจากที่เทสล่าและรายอื่นๆใช้ คือจะใช้แบตฯแบบ Solid-State ในขณะที่รายอื่นๆใช้แบบ Lithium-Ion
นอกจากนั้นยังมีบริษัทไอทีใหญ่ๆก็สนใจตลาดนี้ด้วย เริ่มจาก Apple ที่ประกาศร่วมมือกับ 2 รถเกาหลีคือ Hyundai กับ Kia โดยมีแผนจะเข้าไปถือหุ้น Kia ด้วย เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในแบรนด์ Apple ออกมาภายในปี 2024 นี้ …โดยทุกวันนี้แอปเปิลก็มีซอฟต์แวร์สำหรับจอใหญ่ในรถ EV แบรนด์อื่นๆอยู่ก่อนแล้วนั่นคือ “Apple CarPlay”
อีกรายคือ Google ที่ก่อนนี้มีซอฟต์แวร์สำหรับจอใหญ่ในรถ EV ที่ชื่อระบบ “Android Auto” ในรถแบรนด์ต่างๆ และมีบริษัทลูกให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับพลังงานไฟฟ้าที่ชื่อว่า “Waymo” ในสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว
และล่าสุดกูเกิลก็ได้ประกาศรวมมือกับ Ford เป็นระยะเวลา 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป เพื่อให้รถยนต์ Ford และ Lincoln ใช้ Android Auto ในรถ และใช้ Google Cloud ในสำนักงานด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากในรถยนต์ EV นั้น ระบบทั้งหมดเป็นไฟฟ้า จึงเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไอทีและจอต่างๆได้เป็นอย่างดี และต้องการระบบไอทีต่างๆมากกว่ารถยนต์น้ำมันแบบเดิมมาก จนเกิดเป็นมาตรฐานใหม่ไปแล้วว่าต้องมีจอใหญ่ใช้รายงานระบบต่างๆในรถ รวมถึงใช้ดูแผนที่, เลือกเพลง, ดูหนังด้วย
อละนอกจากนั้น ก็เป็นมาตรฐานใหม่ด้วยว่ารถ EV (ควร)ต้องมีรถบบช่วยขับอัตโนมัติ อย่างน้อยๆก็ช่วยแตะเบรคชะลอเมื่อใกล้รถคันหน้า หรือระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติ ขึ้นไปถึงขัั้นสูงคือไปได้แบบไร้คนขับ (self-driving car) ซึ่งถึงตอนนี้ยังมีแต่ Google Waymo กับ Tesla Robotaxi (ซึ่งทดลองบริการในจีนอยู่) เท่านั้นที่ทำได้