โมไบค์ (Mobike) สตาร์ทอัพสัญชาติจีน ผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะอัจฉริยะรายแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดตัวแล้วในประเทศไทย เพื่อร่วมกันนำเสนอการแก้ไขปัญหาการเดินทางอัจฉริยะที่มีความยั่งยืนให้แก่ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
สำหรับการใช้งานเพียงแค่โหลดแอพฯ เพื่อค้นหาจักรยาน แสกน QR Code เพื่อปลดล็อคก็ใช้งานได้ทันที หลังจากเดินทางถึงจุดหมาย ผู้ใช้สามารถจอดจักรยานไว้ริมถนน ที่ช่องจอดจักรยานสาธารณะและล็อกไว้ จักรยานคันนั้นก็จะพร้อมแบ่งปันให้ผู้ขับขี่คนต่อไปได้ใช้งานโดยอัตโนมัติ
ก่อนหน้านี้โมไบค์ได้เปิดให้บริการมาแล้ว 160 ประเทศทั่วโลก มีจักรยานอัจฉริยะรวมทั้งหมดกว่า 7 ล้านคัน และมีผู้ใช้งานมากกว่า 25 ล้านครั้งต่อวัน สำหรับประเทศไทยในช่วงเริ่มต้นจะมีให้บริการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมด้วยโปรโมชั่นปั่นฟรี 2 เดือน และหลังจากช่วงโปรโมชั่น จะสามารถใช้บริการจักรยานในราคา 10 บาท/ 30 นาที
จักรยานโมไบค์ ออกแบบทุกส่วนด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ อาทิ ระบบการขับเคลื่อนไร้โซ่ ยางไร้ลมที่ไม่แบน เฟรมอลูมิเนียมกันสนิมน้ำหนักเบา ดิสก์เบรกที่มีประสิทธิภาพและทนทาน รวมถึงล้อแบบห้าแฉกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากล้อรถยนต์ และในการปั่นแต่ละครั้งจะทำการเก็บพลังงานเพื่อใช้ในไฟหน้าตอนกลางคืนด้วย โดยมีเป้าหมายอายุการใช้งานแต่ละคันอยู่ที่ 4 ปีโดยไม่ต้องซ่อม
โจ เซียะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของโมไบค์ กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2559 โมไบค์ได้พลิกโฉมภูมิทัศน์ของเมืองด้วยการนำเสนอการแก้ปัญหารูปแบบใหม่ของการเดินทางในเมือง ด้วยการใช้พาหนะที่ทั่วโลกเป็นที่นิยมมายาวนานกว่าศตวรรษอย่างจักรยาน
ทั้งนี้จักรยานโมไบค์ติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ นอกจากการออกแบบด้วยวัสดุที่ทนทานแล้ว จักรยานทุกคันมาพร้อมเทคโนโลยีล็อกอัจฉริยะที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว และระบบจีพีเอส(GPS) ในตัวเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย IoT ทำให้โมไบค์สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะของจักรยานแต่ละคัน เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณและเส้นทางคมนาคมต่างๆ และนำมาจัดสรรให้เหมาะสมกับความต้องการของการใช้งานในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความไม่เพียงพอของยานพาหนะในช่วงจุดเชื่อมต่อระหว่างการขนส่งมวลชนจนถึงจุดหมายปลายทางได้
วิธีการใช้งาน
“พันธกิจของโมไบค์ คือต้องการที่จะเห็นในการเปลี่ยนแปลงวิธีการขั้นพื้นฐานในการเดินทาง การอาศัยในเมือง ด้วยความสะดวกสบายในราคาที่เหมาะสม และการเข้าถึงจักรยานได้ทุกที่สำหรับทุกคน พร้อมกับส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตชีวามากขึ้นในเมือง เนื่องจากโซลูชันการเดินทางในเมืองของโมไบค์มีความแพร่หลายในเมืองที่มีเครือข่าย IoT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงมีการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และวิเคราะห์ด้วย Magic Cube แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้นักวางผังเมืองและนักบริหารจัดการได้มีข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าสำหรับการกำหนดโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและชาญฉลาดมากขึ้น”
การเปิดตั้วในครั้งนี้โมไบค์ได้ร่วมมือกับพันธมิตร 3 ราย ได้แก่ เอไอเอส บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อให้ทดลองใช้งานในมหาวิทยาลัยและห้างสรรพสินค้า ที่มีผู้สัญจรจำนวนมาก เป็นการสร้างการรับรู้ เปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนจะขยายพื้นที่ให้บริการทั่วกรุงเทพเร็วๆ นี้
สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเอไอเอส และโมไบค์เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอสที่นำ NB-IoT หรือ Narrow band Internet of Things เครือข่ายประสิทธิภาพสูงมาเป็นตัวกลางเชื่อมต่อความต้องการของผู้บริโภค ร่วมผลักดันธุรกิจไทยสู่เทรนด์เศรษฐกิจแบ่งปัน ส่งเสริมการแชร์ทรัพยากรผ่านโลกอินเทอร์เน็ต โดยโมไบค์นับเป็นก้าวแรกที่ยืนยันให้เห็นว่าเทคโนโลยี NB-IoT สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในประเทศไทย ช่วยแก้ปัญหาการเดินทางของคนเมือง ลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะเดียวกันยังช่วยส่งเสริมภาคเศรษฐกิจอีกด้วย
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ ผู้รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าการร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเน้นย้ำภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะมหาวิทยาลัยสีเขียว การทดลองใช้งานนี้ก็จะทำให้นิสิต และบุคลากรช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ให้การปั่นจักรยานกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์เหมือนที่ผ่านมา
แต่อย่างที่รู้กันว่าถึงแม้กรุงเทพฯของเราจะมีเลนจักรยานแล้วในบางพื้นที่ แต่การใช้งานจริงยังไม่เกิดขึ้น ด้วยปัญหาหลายๆ อย่างที่ต้องแก้ ทั้งพฤติกรรมผู้ใช้งานเอง หรือกฎหมายต่างๆ ก็ยังคงต้องรอดูว่าสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกจะเข่ามาช่วยยกระดับการเดินทางในประเทศไทยของเราได้หรือไม่