แอพแชทและแอพถ่ายรูปสมัยนี้ ต่างก็มี “filter” หรือ “lens” เช่นเติมหู เติมหนวดแบบการ์ตูนๆลงไปบนหน้าจริงๆได้ แถมขยับตามการหันหน้าและการก้มเงยได้ด้วย
…และในอเมริกา “filter” หรือ “lens” กำลังกลายเป็นสื่อโฆษณาใหม่ โดยโฆษณามีทั้งแบบเป็นหน้ากาก เป็นสติกเกอร์ประกอบฉาก โดยส่วนใหญ่จะขยับได้
ตัวอย่างความคึกคักของสื่อนี้ ก็เช่น Snapchat ที่มีโฆษณา “sponsored lens” กว่า 100 แบรนด์แล้ว โดยเฉลี่ยใช้เงินกันมากถึงแบรนด์ละ 500,000 ดอลลาร์ฯ (ราว 16.5 ล้านบาท ) ต่อวัน
แบรนด์สินค้าจะเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ ว่าใครจะมีสิทธิโหลดฟิลเตอร์นั้นๆ เช่น กำหนดเพศ อายุ ตำแหน่งที่อยู่, ฯลฯ …ซึ่งบนสแนพแชทนั้นมีระบบล็อคการติดสติกเกอร์หรือฟิลเตอร์ต่างๆเข้ากับตำแหน่งโลเคชั่นได้ด้วย
ในอเมริกาและยุโรปจึงมองกันแล้วว่าโฆษณาแบบใหม่นี้ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพิ่มมาแข่งกับโฆษณาในกูเกิ้ลและเฟสบุ้คและเว็บแบบเดิมๆ
ส่วนในไทยเรา “filter” หรือ “lens” ในฐานะสท่อการตลาด ถือว่ายังไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนัก เหตุผลหลักก็คือไม่ค่อยมีใครใช้ Snapchat และแอพอื่นๆที่เติมหน้าเติมหูตาได้ก็ยังไม่ถึงกับฮิตในไทย
…แต่ก็ถือว่ายังน่าศึกษาไว้ และไม่ควรมองข้ามไปซะทีเดียว เพราะคนไทยชอบถ่ายรูป ชอบไลฟ์ และก็ชอบคุยวิดิโอคอลล์กันไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งทั้ง 3 พฤติกรรมนี้ก็มี filters และ lens อยู่ด้วยทั้งนั้น
และที่สำคัญแอพ Instagram หรือ “ไอจี” ที่คนไทยฮิตกันหนักหนา ก็เน้น filters อยุ่ไม่ใช่น้อย และก็มักจะออกฟีเจอร์คล้ายๆ Snapchat อยู่เรื่อย ฉะนั้นระบบโฆษณาบน filters เหมือนของสแนพแชทก็อาจจะออกตามมาบ้างในไม่ช้านี้
ข้อมูลจาก
digiday.com/marketing/marketer-cheat-sheet-snapchats-latest-lens-filter-options
รูปประกอบจาก
ipocandy.com/2017/02/skinny-snap-s-1
