สมคิด จิรานันตรัตน์ รองประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป
การทำธุรกรรมในแต่ละครั้ง ต้องใช้เอกสารจำนวนมากในการยื่นเรื่องกับหลายหน่วยงาน และขั้นตอนในการรับรองความถูกต้องที่ซ้ำซ้อน ทำให้เสียทั้งเงินและเวลา ซึ่งบล็อกเชนจะเข้ามาช่วยลดขั้นตอนดังกล่าว
สถาบันการเงินต่างพากันตื่นตัว รับกระแสบล็อกเชน แต่สำหรับประเทศไทย ยังคงอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเป็นรายแรกที่เปิดตัวนำมาให้บริการเกี่ยวกับการออกเอกสารต้นฉบับ
ประเดิมเจ้าแรกในไทยทดลองใช้ออกเอกสารต้นฉบับ
สำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่ถูกพูดถึงมากในขณะนี้ กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยเป็นเครือข่ายการเก็บข้อมูลธุรกรรม ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูลเดียวกัน รู้ว่าใครมีสิทธิและเป็นเจ้าของข้อมูลจริงๆ เมื่อธุรกรรมถูกบันทึกลงไปจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ เพราะทุกคนต่างก็มีสำเนาหรือประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดอยู่กับตัว
ฉะนั้น จะไม่มีทางปลอมแปลงเอกสารในบล็อกเชนได้ ทำให้มีความปลอดภัยและยังลดขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังเป็นแหล่งเก็บข้อมูลที่น่าเชื่อถือเท่ากับต้นฉบับที่เจ้าของมีอยู่ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลชิ้นเดียวกันได้ทันที ทุกเอกสารในบล็อกเชนคือต้นฉบับที่เจ้าของรับรองความถูกต้อง
สมคิด จิรานันตรัตน์ รองประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป เปิดเผยว่า KBTG เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ ได้จัดทำต้นแบบในการให้บริการรับรองเอกสารต้นฉบับ ซึ่งจะเหมาะกับทั้งลูกค้าองค์กรและลูกค้ารายย่อย โดยพิจารณาถึงความปลอดภัยของการเก็บข้อมูล สามารถยืนยันความถูกต้องที่มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส ปลอดภัย และตรวจสอบได้
“ทางเราได้ร่วมมือกับบริษัท ไอบีเอ็ม ในการได้สร้างระบบการจัดเก็บข้อมูลและทรัพย์สินในรูปแบบดิจิทัล โดยโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนที่นำมาใช้ในครั้งนี้มีชื่อว่า ไฮเปอร์เลจเจอร์ (Hyperledger) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการประยุกต์ใช้สำหรับองค์กรต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานในมาตรฐานเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว และเราเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่นำระบบบล็อกเชนมาใช้”
ยื่นขอเอกสารในระบบ แชร์ให้หน่วยงานเห็นได้ทันที
โดยระบบที่พัฒนามาใช้ให้บริการถูกเรียกว่า OriginCert API นำมาใช้กับการรับรองเอกสารหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee: LG) สามารถเชื่อมต่อระบบกับหน่วยงานอื่นได้ทั้งองค์กรและรายย่อย เมื่อธนาคารออกหนังสือค้ำประกันให้ลูกค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงานที่เข้ามาเชื่อมต่อข้อมูลสามารถเข้ามาดึงข้อมูลไปใช้ได้ทันที
เอกสารหนังสือค้ำประกันในบล็อกเชนถือว่าเป็นเอกสารต้นฉบับ คนที่ใช้บล็อกเชนก็เสมือนว่าได้ดูต้นฉบับจริงๆ เหมือนได้รับจากธนาคารโดยตรง
เอกสารหนังสือค้ำประกันในบล็อกเชนถือว่าเป็นเอกสารต้นฉบับ คนที่ใช้บล็อกเชนก็เสมือนว่าได้ดูต้นฉบับจริงๆ คนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปตท. หรือบุคคลที่อยากได้หนังสือสัญญาค้ำประกัน ก็สามารถเห็นเหมือนได้รับจากธนาคารโดยตรง
ทั้งนี้ รูปแบบการให้บริการ Origin Cert API มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากโดยลูกค้าอยากให้ออกหนังสือค้ำประกัน สามารถส่งคำร้องได้เลยว่าต้องการให้ธนาคารไหนเป็นผู้ออกให้ และรับหนังสือนั้นจากธนาคารในบล็อกเชน โดยลูกค้าที่เป็นเจ้าของหนังสือเท่านั้นที่สามารถกำหนดเงื่อนไขได้ว่าหนังสือของเราสามารถแชร์ให้ใครหรือหน่วยงานไหนเข้าถึงหรือใช้ได้บ้าง และที่สำคัญเมื่อหนังสือใกล้หมดอายุ บริการนี้ก็จะมีระบบแจ้งเตือนและเสนอให้ต่ออายุได้ทันที
ลดขั้นตอนให้เร็วขึ้นสามารถใช้ได้จริงต้นปี 2560
บริการดังกล่าว เข้ามาช่วยลดกระบวนการออกและยืนยันเอกสารหนังสือค้ำประกันให้สั้นลง จากเดิมที่ต้องขอจากธนาคารเพื่อนำไปยื่นต่อหน่วยงานต่างๆ ส่งกลับไปกลับมาเพื่อยืนยันรับรองเอกสารก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นบล็อกเชนก็ทำได้ Real-Time เพราะเป็นการรับรองเอกสารฉบับจริงไปในตัวอยู่แล้ว
 |
ฉบับที่ 216 เดือนธันวาคม ใช้ App ช่วยสังคม ลดช่องว่างคนที่ลำบาก |
ถือได้ว่าเป็นบริการที่ลูกค้าทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น ไม่ต้องลำบากไปถึงธนาคาร ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าถ่ายเอกสาร และค่าเสียเวลา เพียงลูกค้าเข้าระบบบริการ Origin Cert ได้ที่เดียว แม้จะไม่มีความรู้เรื่องบล็อกเชนก็สามารถใช้งานได้อย่างไร้กังวล นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างระบบ Ecosytem สำหรับหนังสือค้ำประกันด้วย
“ประเทศอื่นๆ ถือว่าตื่นตัวในเรื่องนี้มาก มีรัฐบาลหรือหน่วยงานกลางเข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานในรูปแบบต่างๆ กสิกรไทยเองก็ถือเป็นรายแรกแต่คงไม่ใช่รายเดียว ขณะนี้มีหน่วยงานราชการ 2-3 แห่งที่ต้องใช้เอกสารจำนวนมากเข้าร่วมในเบื้องต้น และอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ของไทยรายอื่นๆ อีก 2-3 แห่ง ในการให้เข้ามาใช้ระบบนี้ร่วมกัน เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าใช้งานได้ดียิ่งขึ้น” สมคิด กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยนำร่องใช้กับเอกสารหนังสือค้ำประกัน คาดว่าจะทดสอบและสามารถนำมาให้บริการได้ในช่วงต้นปี 2560 ในรูปแบบแอพพลิเคชั่น จึงยังไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาใช้ รวมถึงค่าธรรมเนียม คงต้องรออีกระยะจึงจะพิจารณาอีกครั้ง และยังมีแผนจะนำมาใช้กับข้อมูลด้านอื่นๆ เข้ามาจัดเก็บในระบบเพื่อนำมาประยุกต์ในการให้บริการ เช่น ใบเสร็จรับเงิน สเตทเมนต์ รายการทำธุรกรรมย้อนหลัง เป็นต้น
พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็มประเทศไทย จำกัด
เพิ่มการลงทุนทั้งเงินทั้งบุคลากรเพื่อสร้างมาตรฐานแพลตฟอร์มบล็อกเชน
พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นโครงการแรกในประเทศไทย แต่ในต่างประเทศมีการนำไปใช้แล้วในองค์กรชั้นนำกว่า 300 บริษัททั่วโลก ซึ่งบล็อกเชนมีลักษณะพิเศษที่สามารถกำหนดสิทธิ์ให้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น (Private Blockchain)
ถือได้ว่าเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มรายใหญ่ของโลก โดยบล็อกเชนของไอบีเอ็มจะสร้างชั้นของการให้บริการขึ้นมา (Service Layer) บนโครงสร้างพื้นฐาน ไฮเปอร์เลจเจอร์ (Hyperledger) ผ่านบริการคลาวด์แพลตฟอร์มบลูมิกซ์ โดยใช้ 4 หลักการด้วยกัน คือ
- Shared Ledger เป็นหนังสือเอกสารที่สามารถเข้าถึงและใช้งานร่วมกันได้
- Privacy มีความเป็นส่วนตัว กำหนดผู้เกี่ยวข้องที่สามารถเข้าถึง
- Smart Contract เป็นสัญญาที่สามารถตรวจสอบได้ สะดวกในการใช้งาน
- Consensus ทุกฝ่ายต้องเห็นชอบร่วมกันว่าถูกต้องในการดำเนินการ
นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังใช้เงินลงทุนไป 2-3 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มสถาปนิก 100 คน นักวิจัยอีก 35 คน นักพัฒนาโค้ดกว่า 44,000 คน และทำงานร่วมกับ Linux Foundation ซึ่งมีสมาชิกเริ่มต้น 17 ราย เช่น ANZ, JPMorgan และ Accenture มากำกับดูแลบล็อกเชนให้เป็นระบบที่น่าเชื่อถือโปร่งใส และเพิ่มประสิทธิภาพพอที่จะทำให้ทุกคนเชื่อใจในระบบและเข้ามาใช้บริการ
