
พลอยพิชชา บุญทวีพิทักษ์ และชลณัฏฐ์ พูนชัฏกาญจน์
พูดได้ว่าปัจจุบันคนไทยนิยมหันมาเลี้ยงสัตว์แทนการเลี้ยงลูกมากขึ้น เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่เพียงกระแส เมื่อเทียบจากอัตราจำนวนการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจสำหรับสัตว์เลี้ยงเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 22,000 ล้านบาท ขยายตัวปีละ 10-15 เปอร์เซ็นต์ จึงเกิดเป็นบริการใหม่เพื่อเอาใจคนรักสัตว์ด้วยประกันภัยสัตว์เลี้ยงในชื่อ PetInsure (เพ็ทอินชัวร์) โดยสามารถซื้อผ่านออนไลน์ได้ทันที
ลดความเสี่ยงค่ารักษาด้วยประกันสำหรับสุนัขและแมว
ชลณัฏฐ์ พูนชัฏกาญจน์ ผู้บริหาร PetInsure กล่าวถึงที่มาของแนวคิดว่า ผู้เลี้ยงสัตว์ทุกคนจะต้องพบกับค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างสูง ไม่แพ้ค่ารักษาพยาบาลของคน โดยเฉพาะเกิดจากอาการเจ็บป่วย เฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาท ต่อเดือนต่อตัว แต่หากเทียบกันในแต่ละโรคจะต่างกันบางกรณีมากกว่าหลักหมื่นบาท
![]() |
ฉบับที่ 220 เดือนเมษายนจับตลาดในยุคโมบายล์เฟิร์ส
|
ปกติแล้วสุนัขและแมวจะมีโรคตามกรรมพันธุ์ที่แตกต่างกันตามสายพันธุ์ ผู้เลี้ยงอาจจะไม่ทราบมาก่อน โรคที่พบบ่อยจะเป็นโรคท้องเสียจากพฤติกรรมที่ชอบกัดหรือกินไปเรื่อย และโรคที่ผู้เลี้ยงคาดไม่ถึง เช่น โรคไต เป็นต้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงหลังจากซื้อมาเลี้ยง รวมไปถึงปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอุบัติเหตุ เช่น สัตว์เลี้ยงถูกรถชน หรือเกิดการต่อสู้กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และค่าใช้จ่ายต่อบุคคลภายนอกอันเนื่องมาจากสัตว์เลี้ยง
“การทำโบรกเกอร์ประกันภัยสัตว์เลี้ยง รองรับสำหรับสุนัขและแมว เป็นบริการที่ใหม่มากสำหรับประเทศไทย จริงๆ แล้วไม่ต่างอะไรกับประกันสุขภาพของตัวเราเองเลย ประกันภัยสัตว์เลี้ยงก็มีลักษณะเดียวกัน เราเข้ามาทำตลาดใหม่ รวมถึงการพัฒนาเป็นเว็บไซต์ และนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาผสม โดยจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่ารักษานอกเหนือจากค่าอาหาร ค่าชุด”
เมื่อดูจากจำนวนของสัตว์เลี้ยงทั้งหมดที่มีมากกว่า 9 ล้านตัว สุนัขยังเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับ 1 อยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ในขณะเดียวกันเทรนด์ของแมวกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดกันว่าในอีก 2-3 ปี สัดส่วนจะเป็น 50-50 เลยทีเดียว
มีแพ็กเกจให้เลือกคุ้มครองทั่วประเทศ
สำหรับในตัวของกรมธรรม์นั้นได้มีการออกแบบเป็น 2 แพ็กเกจคือ ประกันภัยแบบมีไมโครชิป และประกันภัยแบบไม่มีไมโครชิป แต่จะคุ้มครองสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับตัวผู้บริโภคต้องการ
“การฝังไมโครชิปจะคล้ายการทำบัตรประชาชนให้สัตว์เลี้ยง เป็นบาร์โค้คที่จะบ่งบอกถึงชื่อสัตว์เลี้ยง ชื่อเจ้าของ วันเกิด เป็นข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นเพื่อให้ทางเราและสัตวแพทย์ทราบ อย่างพันธุ์ปอมมีลักษณะคล้ายกันจนบางทีแยกด้วยตาเปล่าไม่ออก และจะเป็นประโยชน์เมื่อสัตว์เลี้ยงหายหรือนำไปต่างประเทศ”
ทั้งนี้ บริการดังกล่าวจะรับสัตว์เลี้ยงที่มีอายุระหว่าง 3 – 7 ปี เจ้าของสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลรวมคลินิกมากกว่า 400 แห่ง คุ้มครองทั่วประเทศ โดยมีการออกแบบระบบให้ผู้ใช้งานง่ายสามารถสแกนแบบฟอร์มสำเนาเอกสารต่างๆ และรูปถ่ายอัพโหลดส่งในเว็บไซต์ เมื่อได้รับการยืนยันสามารถชำระค่าเบี้ยประกันภัยตามแพ็กเกจที่ซื้อ หลังจากนั้นกรมธรรม์จะถูกจัดส่งให้ถึงบ้าน


ใช้ Chatbot ปิดการขาย ขยายไปยังกลุ่มสัตว์แปลก
ไม่เพียงเท่านี้ ยังพัฒนาระบบ Chatbot ที่เชื่อมต่อ API ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก โดยสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ด้วย Machine Learning ลูกค้าสามารถเข้ามาพูดคุยแพ็กเกจเบื้องต้น และสามารถสั่งซื้อประกันภัยผ่าน Chatbot ได้ทันที รวมถึงหากต้องการให้สัตวแพทย์ไปตรวจที่บ้านก็สามารถส่งโลเคชั่น เก็บค่าและส่งไปตรวจได้ รองรับตลอด 24 ชม.
“เราพัฒนา Chatbot เพื่อเชื่อมระบบหลังบ้าน สามารถกรอกได้ทางหน้าเว็บฯ หรือผ่านแชตได้ โดยตัว Chatbot จะตอบโจทย์กับบริการที่คนไทยมักพูดคุยและสอบถามก่อนซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ จึงไม่จำเป็นต้องพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นบนมือถือ”
ตอนนี้มีผู้ใช้บริการอยู่ที่ 300 ราย กลุ่มหลักจะเป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน เนื่องจากเพิ่งเปิดบริการมาได้ 6 เดือนเท่านั้น และจะขยายไปยังประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ที่ให้ความสนใจบริการประกันภัยสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
“เรามีแนวโน้มไปที่กลุ่มสัตว์แปลก เช่น กระต่าย นกแก้ว กระรอก ปลา เป็นต้น และสัตว์ใหญ่อย่างกรมปศุสัตว์ด้วย ในอนาคตอาจจะเพิ่มแพ็กเกจใหม่ๆ ตามความต้องการของผู้บริโภค ถ้าอีกหน่อยคนไทยหันมาทำประกันภัยสัตว์เลี้ยงแบบจริงจัง ก็จะมีกรมธรรม์ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น” คุณชลณัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้บริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งตลาดนี้ยังคงเปิดกว้างรอรับบริการใหม่ๆ ที่ง่ายและสะดวกเอาใจคนรักสัตว์อีกมาก
ช่องทางการติดต่อ | |
Website | www.petinsure.co |
Petinsure.co | |
info@petinsure.co |