ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เงินสกุลดิจิตัลเช่น Bitcoin ราคาขึ้นพุ่งแรงต่อเนื่อง เพราะชุจุดขายว่าโอนถ่ายกันได้ระหว่างประเทศคล่องตัว เสรีค่าธรรมเนียมต่ำไม่ต้องไปผ่านศูนย์กลางสถาบันการเงินไหน ฯลฯ
และที่สำคัญคือจุดขายที่ว่ามีปริมาณจำกัด แต่ในอนาคตจะเข้ามาแทนเงินทั่วโลก เช่นบิทคอยน์จะมีไม่เกิน 21 ล้านบิทคอยน์ จึงเกิดการเก็งกำไรกันว่า 1 Bitcoin จะต้องทำหน้าที่แทนเงินนับหมื่นดอลลาร์ ดันราคาขึ้นไป
แต่มาปีนี้เริ่มมีข่าวหลายประเทศ หลายบริษัท กีดกันหรือห้ามให้บริการเว็บซื้อขาย ร้านรับแลก หรือห้ามระดมทุนออกเหรียญใหม่สกุลต่างๆ เช่นจีน และอีกหลายประเทศ
นั่นทำให้หลายฝ่ายมองว่าความฝันที่เงินสกุลดิจิตัล หรือ cryptocurrency จะมาแทนเงินเดิมๆนั้นเป็นไปได้ยากขึ้นซะแล้ว
ราคาบิทคอยน์และเงินดิจิตัลแทบทุกสกุลจึงเริ่มดิ่งลงรุนแรงต่อเนื่อง จากจุดสูงสุดที่ราว 2 หมื่นดอลลาร์ฯหรือ 6 แสนบาท ล่าสุดลงมาหลุดต่ำกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ คือเหลือแค่ประมาณ 7,000 ดอลลาร์หรือราวๆ 2 แสนบาทแล้ว
เท่านั้นไม่พอ หลังจากข่าวร้ายเรื่องรัฐบาลหลายชาติขัดขวาง ก็ยังตามมาด้วยคำถามเรื่องประสิทธิภาพและค่าธรรมเนียมต่ำว่าจริงตามทฤษฎีหรือเปล่า ?
เช่นตัวอย่างแอพและอุปกรณ์ online payment ชื่อดังในสหรัฐฯอย่าง Stripe เพิ่งประกาศจะหยุดรับเงิน Bitcoin ตั้งแต่ 23 เมษายน 2018 นี้เป็นต้นไป ทั้งๆที่เคยรับ Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2014
เหตุผลก็คือปัญหาการประมวลผลช้า ค่าธุรกรรมแพง และที่สำคัญคือราคาผันผวนเกินไป ทำให้การจ่ายเงินมีปัญหาว่ากว่าจะยืนยันธุรกรรมเสร็จ ค่าเงินก็เปลี่ยนไปมากแล้ว
อีกรายก็คือระบบขายเกม Steam ที่เพิ่งประกาศหยุดรับจ่ายเงินด้วย Bitcoin โดยมีผลทันที เหตุผลเพราะค่าธรรมเนียมสูง และราคาผันผวนเกินไปเช่นกัน ส่งผลให้ราคาเกมที่จ่ายด้วย Bitcoin แพงกว่าโดยใช่เหตุ
และที่ตลกร้ายที่สุดคือแม้แต่งานสัมมนาเรื่องบิทคอยน์เอง คืองาน The North American Bitcoin Conference เมื่อ 18-19 มกราคมที่ผ่านมา ก็ไม่ยอมรับเงินค่าเข้าฟังเป็นบิทคอยน์ โดยขอเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯแทน ด้วยเหตุผลเดียวกับรายอื่นๆที่ว่าไป
ข่าวจาก :
stripe.com/blog/ending-bitcoin-support
steamcommunity.com/games/593110/announcements/detail/1464096684955433613
businessinsider.com/bitcoin-conference-stops-accepting-bitcoin-network-fees-congestion-2018-1
รูปประกอบจาก :
hacked.com/crypto-update-bitcoin-price-3000-two-days-south-korean-regulation-worries-drive-majors-lower
