โมเดลธุรกิจ เพื่อนักลงทุนยุคใหม่

ตัวเลือกในยุคที่นักลงทุนต้องการบริหารเงินแบบยั่งยืน คือ การลงทุนใน SRI (Socially Responsible Investment) ถึงแม้กิจการเพื่อสังคมจะหมายถึงกิจการที่รับผิดชอบต่อสังคม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นธุรกิจที่มีกำไร เป็นการลงทุนตามปกติที่มีผลตอบแทนทางการเงิน เพราะลงทุนในกิจการที่ทำประโยชน์ต่อสังคม

นายแพทย์พูลชัย จิตอนันตวิทยา ประธานฝ่ายการแพทย์ บริษัท วิสาหกิจสุขภาพชุมชน จำกัด

นายแพทย์พูลชัย จิตอนันตวิทยา ประธานฝ่ายการแพทย์ บริษัท วิสาหกิจสุขภาพชุมชน จำกัด

ทีมงานบริษัท วิสาหกิจสุขภาพชุมชน จำกัด

ทีมงานบริษัท วิสาหกิจสุขภาพชุมชน จำกัด

ดังนั้น นักลงทุนยุคใหม่มีทางเลือกมากมายให้ลงทุน หนึ่งทางเลือกที่สร้างสรรค์คือ การลงทุนในกิจการเพื่อสังคมที่ให้ทั้งกำไรและสังคม ตอนนี้กลุ่มธุรกิจกิจการเพื่อสังคมเริ่มแสดงศักยภาพให้แก่นักลงทุนได้เห็นบางแล้ว อีกทั้งกิจการเหล่านี้ก็กำลังเติบโตและมีอนาคต

SHE วิสาหกิจสุขภาพชุมชน
SHE (Social Health Enterprise) เป็นกิจการที่ให้บริการด้านงานป้องกันโรคของแรงงานและพนักงาน โดยเน้นช่วยทำให้แรงงานไทยต้องไม่ป่วยตายด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก ขจัดหินปูน ลดเหงือกอักเสบ ไม่ต้องใช้ฟันปลอมเมื่อแก่ และบริการบำบัด Office Syndrome ให้แก่หน่วยงาน องค์กร และบริษัท

บริการสุขภาพเพื่อแรงงานไทย
นายแพทย์พูลชัย จิตอนันตวิทยา ประธานฝ่ายการแพทย์ บริษัท วิสาหกิจสุขภาพชุมชน จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้จดทะเบียนดำเนินธุรกิจกิจการเพื่อสังคมเป็นรายแรกๆของประเทศไทย โดยมีระบุไว้ว่า ผลกำไรที่ได้จะนำไปสร้างระบบสุขภาพภาคประชาชน ซึ่งจุดยืนและตอกย้ำว่า SHE จะเป็น Social Enterprise และในปีที่ผ่านมา SHE ได้รับรางวัล Change Awards ในงานประกาศรางวัล Thai SE Award 2014  ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากโครงการมะเร็งปากมดลูกในแรงงานสตรี โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยมากกว่า 200 ชีวิต

นอกจากนี้ มีงานด้านบริการทันตกรรมที่ส่งทีมทันตแพทย์เข้าไปตรวจสอบสุขภาพช่องปากให้ กับแรงงานคนไทยที่ทำงานในโรงงาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมมากนักส่งผลให้มีโอกาส เกิดการสูญเสียฟันก่อนวัยชราสูง ดังนั้น จึงคิดว่าหากเข้าไปตรวจและรักษาก่อนจะช่วยทำให้แรงงานไทยสามารถมีสุขภาพฟัน ที่ดีและลดโอกาสการรักษาฟันในยามชราลง

ให้โอกาสอดีตนักโทษ ช่วยแก้ปัญหาคนออฟฟิศ
นายแพทย์พูลชัย กล่าวต่อว่า บริการบำบัด Office Syndrome เกิดจากการต้องการสร้างอาชีพให้กับกลุ่มนักโทษหญิงที่ไปพบในเรือนจำเมื่อ เข้าไปให้บริการด้านทันตกรรม ซึ่งมองว่าผู้หญิงที่ถูกขังในที่แห่งนี้ส่วนใหญ่จะหลงเดินทางผิดในชีวิตหาก มอบโอกาสที่ดีให้กับเขาเวลาพ้นโทษ และเมื่อกลับเข้าสู่สังคมคนเหล่านี้สามารถอยู่ในสังคมได้ไม่กลับไปทำในสิ่ง ไม่ดีอีก จึงได้ร่วมทำงานกับกระทรวงยุติธรรมในการสร้างโครงการอบรมเรื่องการบำบัด ออฟฟิศซินโดรมให้แก่นักโทษหญิงที่กำลังจะพ้นโทษ

โดยมีการคัดตัวนักโทษหญิงที่ใกล้ระยะเวลาการพ้นโทษและมีพฤติกรรมที่ดีตลอดระยะเวลาอยู่ในเรือนจำเข้ารับการอบรมในโครงการ ซึ่งผู้ที่สนใจสมัครเข้าอบรมและผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือจะได้รับการันตรีว่า เมื่อพ้นโทษจะมีงานรองรับทันที โดยกลุ่มแรกที่ออกมาทำงานกับ SHE นั้นจะไม่ค่อยมั่นใจ จึงต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถทำงานได้ หลังจากนั้นไม่นานคนกลุ่มแรกนี้ได้เขียนจดหมายไปเล่าให้เพื่อนในเรือนจำฟัง ซึ่งปรากฏว่าการเข้าไปเปิดรับสมัครรอบสองและสาม มีคนสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้มีการฝึกอบรมอยู่ทั้งหมด 3 เรือนจำ ได้แก่ เรือนจำชลบุรี เรือนจำมีนบุรี และเรือนจำธัญบุรี ซึ่งตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะเข้าไปรักษาให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่บริเวณ โดยรอบเรือนจำในแต่ละจุด ซึ่งในวันที่ 2 เมษายน 2558 ที่ผ่านมามีนักโทษหญิงได้รับการอภัยโทษออกมาจำนวน 10 คน ทาง SHE ได้นำเสนอบริการบำบัด Office Syndrome ไปที่รัฐสภาเพื่อนำนักโทษกลุ่มนี้ไปทดลองนวดให้กับสมาชิกนิติบัญญัติแห่ง ชาติและสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

หลังจากที่เข้าไปให้บริการและทราบ ถึงแนวคิดในการเกิดโครงการนี้ ท่านสมาชิกต่างเห็นชอบและสนับสนุนว่าจะให้มีจุดบริการบำบัด Office Syndrome แบบประจำที่รัฐสภา นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอีกองค์กรที่เห็นดีกับโครงการและ แจ้งความประสงค์อยากให้เข้ามาตั้งออฟฟิศเพื่อบริการ Office Syndrome ด้วย และมีการแนะนำจากคุณเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ้าสามารถเปิดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้าได้จะดีมาก เพราะว่าตอบโจทย์ให้กับพนักงานออฟฟิศที่โดยสารรถไฟฟ้าประจำ ถ้าสามารถแก้อาการให้กับพวกเขาก่อนเข้าทำงานได้จะดีมาก

ดังนั้น แนวโน้มการทำงานของ SHE จึงเป็นกิจการเพื่อสังคมในรูปแบบเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาของคนในองค์กรเพื่อมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือ ตลท. เรียกว่า การทำ CSR In Process นั่นคือการที่บริษัทจัดกิจกรรมเพื่อคนในองค์กร ซึ่งบริการทั้งหมดของ SHE สามารถเข้าไปดูแลพนักงานทั้งหมดได้ทันที ตั้งแต่การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก บริการทันตกรรม และบำบัด Office Syndrome

“เราอยากให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจมาสัมผัส และเข้าใจเลยว่าการทำงานง่ายๆ แบบนี้ ได้ส่งผลให้ทุกคนมีความสุข คนที่พ้นโทษมีความสุข พนักงานมีความสุข บริษัทก็ได้ด้วย”

คืนกำไรด้วยบริการ
นายแพทย์พูลชัย กล่าวว่า ได้รับคำแนะนำจากผู้จัดการหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงโมเดลการร่วมลงทุนกับ SHE สำหรับ บจ. หรือ บลจ. ที่สนใจสนับสนุนวิสาหกิจสุขภาพชุมชนแห่งนี้ โดยกำหนดจำนวนเงินการลงทุนเป็นแพ็กเกจ เช่น แพ็กเกจ A วงเงินการลงทุน 500,000 บาท แพ็กเกจ B วงเงินการลงทุน 1,000,000 บาท และได้กำไรกลับไปเป็นรูปแบบการให้บริการจาก SHE อาทิ ลงทุนด้วยงบ 1,000,000 บาท ได้กำไรจากการลงทุนนี้คือ การมอบบริการบำบัด Office Syndrome จำนวน 4,000 คน โดยสามารถจัดสรรได้เลยว่าจะให้ SHE ไปบริการให้แก่คนกลุ่มใดบ้างถือเป็นการส่งมอบความสุขและดูแลสังคม หรือมอบให้กับพนักงานเพื่อเป็นสวัสดิการออฟฟิศก็ทำได้ เป็นต้น

“เราตั้งเป้ากิจการเพื่อสังคม SHE สู่ระดับโลก เนื่องจากมีความร่วมมือกับ Yunus Centre ของกรามีนแบงค์หรือธนาคารคนจน ประเทศบังคลาเทศ ซึ่งหน่วยงานนี้มีการทำ Social Business อยู่ทั่วโลก” 

 

 

ลี อายุ จือปา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ อาข่า อ่ามา

ลี อายุ จือปา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ อาข่า อ่ามา

อาข่า อาม่า เป็นคนทำตลาดขายเมล็ดกาแฟให้กับชาวอาข่าทั้งหมด ซึ่งในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มด้วย เช่น น้ำผึ้งที่ได้จากดอกกาแฟ ชาดอกกาแฟ และน้ำผลไม้เมืองหนาว เนื่องจากนำวัตถุดิบในหมู่บ้านสร้างมูลค่าขึ้นมา

Akha Ama Coffee
กาแฟอาข่า อ่ามา ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกกาแฟด้านการพัฒนาคุณภาพทางรสชาติและการตลาด โดยเริ่มต้นจากการช่วยเหลือที่หมู่บ้านแม่จันใต้ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ปัจจุบันมีพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่บ้านห้วยทราย อ.เวียงป่าเป้า และบ้านดอยงาม อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นธุรกิจกาแฟที่มุ่งแก้ปัญหาเกษตรกรให้ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นและองค์ความรู้ใหม่ๆ มาช่วยพัฒนาชุมชน มีกระบวนการผลิตที่เอื้อต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ลี อายุ จือปา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ อาข่า อ่ามา กล่าวว่า หลังจากจบการศึกษาปริญญาตรีและมีโอกาสได้ทำงานมูลนิธิเกื้อฝัน ซึ่งเป็นมูลนิธิเพื่อสังคมจึงเกิดแนวคิดที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตคนในหมู่บ้านจึงเริ่มศึกษาเกษตรชุมชนและปรึกษากับเจ้าหน้าที่เกษตรร่วมกับชาวบ้านทำเกษตรผสมผสาน โดยเริ่มจากนำจุดแข็งของชาวอาข่าที่มีประสบการณ์การปลูกกาแฟของชาวอาข่าที่บ้านแม่จันใต้มากกว่า 10 ปี มาพัฒนาต่อเนื่อง ให้สามารถทำธุรกิจไร่กาแฟอย่างยั่งยืนและไม่ถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางอีกต่อไป

ในปี 2553 ลีได้เริ่มสร้างแบรนด์อาข่า อาม่า โดยปีแรกเริ่มจากการเรียนรู้ในเรื่องการเกษตร การตลาด ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ และปีที่สองมีการวางแผนพัฒนากระบวนการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้ได้ ผลผลิตที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกับพยายามผลักดันให้กาแฟอาข่า อาม่า ได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์กรหรือสถาบันระดับชาติและนานาชาติ เช่น องค์การการค้าอย่างยุติธรรม (Fair Trade Organization) ของอังกฤษ เพื่อพัฒนาเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่ให้ราคา ยุติธรรมต่อชุมชน

”เราตัดสินใจส่งกาแฟอาข่า อาม่า เข้าไปประกวดบนเวทีการชิมกาแฟนานาชาติครั้งที่ 7 ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีคณะกรรมการจากทั่วโลกมาชิมและได้รับการการันตรีจากองค์กรกาแฟชนิดพิเศษ แห่งยุโรป ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้นอกจากสร้างชื่อเสียงให้แก่แบรนด์แล้วยังเป็นข้อ พิสูจน์เรื่องคุณภาพกาแฟของเราด้วย”

e198

ฉบับที่ 198 เดือนมิถุนายน

ไอทีเชื่อมสู่ท้องถิ่นแบบ Social Enterprise

สร้างหมู่บ้านต้นแบบ
ลี กล่าวว่า สิ่งสำคัญตอนนี้คือ การวางแผนและออกแบบหมู่บ้านให้กลายเป็นตัวอย่างที่ดีแก่หมู่บ้าน อื่นๆ ที่จะทำให้คนทั่วไปได้เข้ามาในหมู่บ้านและรู้สึกทึ่งต่อวิถีชาวบ้านที่ สามารถสร้างอาชีพของตนให้เกิดเป็นรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหลังจากพัฒนาหมู่บ้านและอาชีพให้แก่ชาวบ้านด้วยการทำไร่กาแฟรูปแบบใหม่ ตลอดระยะ 5 ปีที่ผ่านมา มีคนรู้จักหมู่บ้านแม่จันใต้มากขึ้นในฐานะหมู่บ้านที่ปลูกกาแฟ เมื่อพูดถึงการปลูกกาแฟให้ประสบความสำเร็จทุกคนจะนึกถึงบ้านแม่จันใต้และ ติดต่อเข้ามาดูงาน ซึ่งโมเดลนี้นอกจากจะได้ประโยชน์แก่ชาวบ้านแล้วยังได้ประโยชน์ต่อคนอื่นด้วย ที่จะมาศึกษาและนำไปต่อยอดทางความคิดให้แก่พวกเขา
ตอนนี้มีอีก 2 หมู่บ้านที่นำโมเดลของเราไปพัฒนาหมู่บ้านด้วย ได้แก่ บ้านห้วยทราย อ.เวียงป่าเป้า และบ้านดอยงาม อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงทดลองและร่วมพัฒนากันด้วยการนำประสบการณ์ 5 ปีที่ได้รับจากการสร้างโมเดลให้กับบ้านแม่จันใต้มาปรับใช้กับบ้านห้วยทราย และบ้านดอยงาม

ลี กล่าวต่อว่า การเริ่มต้นพัฒนาหมู่บ้านของตนเพื่อช่วยให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และช่วยพัฒนาอาชีพปลูกกาแฟให้พวกเขาได้สร้างผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดที่มีคุณภาพ มาตรฐานสากลจนได้ผลกำไรกลับมาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าในอดีต ทั้งหมดนี้เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาบ้านเกิด ดังนั้น คำว่า Social Enterprise หรือ SE จึงไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นในการทำเพราะคำนี้เริ่มกล่าวถึงกันในวงกว้างเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

เราพยายามสร้างโอกาสและสร้างอำนาจต่อรองให้แก่ชาวบ้านและชุมชน เช่น การสอนให้ชาวบ้านรู้จักประเมินคุณค่าของผลผลิตที่เขาสร้างขึ้น การส่งเสริมเรื่องการศึกษา เป็นต้น เนื่องจากเห็นว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการจะช่วยให้ชาวบ้านไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และการเรียนภาษาเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากจะต้องใช้ในการสื่อสารและต่อรองทางธุรกิจเพื่อลดการเอาเปรียบทางการค้า

Akhaama.com

Akhaama.com

สร้างโอกาสให้ชาวบ้าน
หลักการบริหารจัดการรายได้ของแบรนด์อาข่า อาม่า กับชุมชนที่เป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟให้คือถ้าปีนี้เราตั้งเป้าทำการตลาดไว้ที่ 25 ตัน และโค้วต้าปีนี้จะทำงานร่วมกับชาวอาข่า 20 ครอบครัวและทำการหารจำนวนครอบครัวกับปริมาณเมล็ดกาแฟที่ตั้งเป้าไว้ผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนที่แต่ละครัวเรือนจะต้องผลิตส่ง ซึ่งจะมีการเรียกประชุมเพื่อให้แต่ละครัวเรือนกำหนดราคาเมล็ดกาแฟของตัวเอง

เมื่อทุกคนกำหนดราคาแล้วจะเน้นย้ำทิ้งท้ายว่า ถ้าอยากได้ราคากาแฟตามที่ตั้งไว้จะต้องผลิตเมล็ดกาแฟให้ได้มาตรฐานที่วางไว้ด้วย โดยให้เหตุผลว่าถ้าลูกค้าไม่พึ่งพอใจจะส่งผลเสียขึ้นทันทีต่อภาพลักษณ์แบรนด์กาแฟอาข่า อาม่า และพวกเขาด้วย เพราะลูกค้ามีสิทธิ์จะไม่ติดต่อซื้อกาแฟอีกต่อไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากมาก ในการจะทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่จะปรับทัศนคติให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการธุรกิจแบรนด์อาข่า อาม่า ไม่ใช่เป็นแค่คนผลิตอย่างเดียว

“ทุกคนที่ทำงานกับแบรนด์อาข่า อาม่า จะถูกปลูกฝังให้ปลูกผลไม้เมืองหนาว พืชผักสวนครัว ชา สลับกับปลูกกาแฟด้วย ตั้งแต่ผมเข้ามาพัฒนาหมู่บ้านเมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อก่อนชาวบ้านมองว่าจะให้ปลูกชาหรือผลไม้ทำไม เพราะไม่ได้มีราคาเท่าไรแต่หลังจากผ่านมาวันนี้ชาวบ้านเห็นผลแล้วสิ่งที่บอก ให้ปลูกไว้ก็ได้ผลผลิตเก็บเกี่ยวไว้กินในครอบครัวและเหลือขายให้แก่ชาวบ้าน ด้วย เพราะฉะนั้น 1 ปี พวกเขาไม่ต้องรอเวลาทำไร่กาแฟอย่างเดียวจากเมื่อก่อนเจอปัญหาจะเก็บอะไรกิน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าจะเก็บอย่างไรให้หมด เพราะมีพืชหมุนเวียนให้เก็บเกี่ยวกินได้ตลอดทั้งปี”

ลี ยกตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นในการช่วยสร้างรายได้ให้เกิดแก่คนในหมู่บ้านอย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องดิ้นรนออกไปหางานทำในเมือง เช่น ตอนนี้ชากิโลกรัมละ 120 บาท เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวชา ชาวบ้านที่ปลูกชาจะเก็บชามาขายในแต่ละวันซึ่งบางคนเก็บได้วันละ 7-8 กิโลกรัม แสดงว่ารายได้เฉลี่ยต่อวันของชาวบ้านคือ 600-900 บาท ซึ่งสูงกว่ารายได้ของแรงงานขั้นต่ำในเมืองอีกและรายจ่ายในหมู่บ้านแทบไม่มี นอกจากจะซื้อขนมหรือของใช้บ้าง สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าเราสามารถจัดการชุมชนให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ถ้าเรามีการวางโมเดลที่ดีและสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นแก่คนในชุมชน

อาข่า อาม่า เป็นคนทำตลาดขายเมล็ดกาแฟให้กับชาวอาข่าทั้งหมด ซึ่งในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มด้วย เช่น น้ำผึ้งที่ได้จากดอกกาแฟ ชาดอกกาแฟ และน้ำผลไม้เมืองหนาว เนื่องจากนำวัตถุดิบในหมู่บ้านสร้างมูลค่าขึ้นมาได้คือ วิธีการทำธุรกิจที่ดีที่สุด

ลี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่สนใจร่วมลงทุนกับแบรนด์อาข่า อาม่า นั้น ทางเราต้องการนักลงทุนที่เข้ามาช่วยในด้านการสนับสนุนนวัตกรรมและเครื่องมือที่จะช่วยให้ชาวบ้านสามารถพัฒนาสินค้าทางการเกษตรของพวกเขาได้มีคุณภาพ เพื่อจะได้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวมมากกว่าในแง่ของการได้ผลกำไรในรูปแบบเงินตอบแทน

“SE ในมุมของผมคือ จะต้องเป็นธุรกิจที่ได้ผลกำไรสูงสุดมากกว่าองค์กรธุรกิจต่างๆ เพราะว่าผู้ผลิตต้องได้ราคายุติธรรม ผู้บริโภคต้องได้สินค้าที่ดีที่สุด” ลี กล่าว

 

 

สุรัชนา ภควลีธร ผู้ร่วมก่อตั้ง Local Alike

สุรัชนา ภควลีธร ผู้ร่วมก่อตั้ง Local Alike

Local Alike ได้ร่วมงานกับชุมชนที่น่าสนใจ 15 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันมีชุมชนที่น่าสนใจอีกกว่า 200 แห่งในประเทศไทย และอีก 1,000 แห่งทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Local Alike
กิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ใช้วิถีชุมชนและธรรมชาติ เป็นเครื่องมือในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ลดการย้ายถิ่นฐาน สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือพัฒนา โดยมีการจัดทำเว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงนักท่องเที่ยว และจัดทริปท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์อันมีคุณค่าอย่างแท้จริง

สร้างการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน
สุรัชนา ภควลีธร ผู้ร่วมก่อตั้ง Local Alike กล่าวว่า เกิดจากปัญหาของการท่องเที่ยวในปัจจุบันคือ   ไม่ยั่งยืน เนื่องจากผู้คนในชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมกับวิถีการท่องเที่ยวและรายได้จากการ ท่องเที่ยวไม่ได้ถูกกระจายไปถึงชุมชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรจริงๆ ขณะเดียวนักท่องเที่ยวที่ซื้อทัวร์ไม่ได้สัมผัสถึงวิถีท้องถิ่นเป็นเพียง ประสบการณ์แบบฉาบฉวยไม่ได้มีอะไรน่าจดจำเท่าไร ดังนั้น Local Alike จึงเกิดขึ้นในการสร้างธุรกิจท่องเที่ยวแนวใหม่ โดยวางแนวทางให้เจ้าของชุมชนได้ทำอาชีพเสริมเป็นไกด์พิเศษให้กับนักท่อง เที่ยว และเกิดการส่งเสริมการสร้างรายได้ร่วมกันภายใต้กรอบของธุรกิจเพื่อสังคม

สุรัชนา กล่าวต่อว่า สมศักดิ์ บุญคำ หรือพี่ไผ่ เป็นผู้ริเริ่มในการสร้าง Local Alike ซึ่งรูปจักกันตอนเข้าไปฝึกงานที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงด้วยกันและได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับงานชุมชน ระหว่างนั้นพี่ไผ่ได้ทำโปรเจ็กต์ที่ต้องเข้าไปช่วยหมู่บ้านซึ่งอยู่ในโครงการดอยตุงโดยทำแผนธุรกิจเรื่องโฮมสเตย์และได้ทำงานร่วมกัน หลังจากนั้นเริ่มมีความคิดในการอยากช่วยเหลือสังคมจึงนำประสบการณ์ที่ทำอยู่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงมาต่อยอดจึงออกมาทำงานด้านอย่างเต็มตัวจึงชวนตนออกมาทำร่วมกัน

เชื่อมโยงชาวบ้านกับนักท่องเที่ยว
สำหรับ Local Alike เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงระหว่างการท่องเที่ยวโดยชุมชนกับนักท่องเที่ยวที่สนใจในเรื่องการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเข้าด้วยกัน ขณะนี้เดียวกันจะทำหน้าที่เป็นพาร์ตเนอร์กับชุมชนในแบบระยะยาว ด้วยการเข้าไปช่วยชุมชนในการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยว เช่น การนำเสนอแผนการท่องเที่ยว และการออกแบบท่องเที่ยว เป็นต้น

ในเรื่องของราคาแพ็กเกจทัวร์แต่ละครั้ง เราจะลองให้ชาวบ้านช่วยกันคิด เช่น แพ็กเกจทัวร์ 3 วัน 2 คืน มีเรื่องการเดินทาง โฮมสเตย์ อาหาร กิจกรรมต่างๆ พวกเขาจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไรและคิดว่าควรตั้งราคาแพ็กเกจที่ขายเท่าไร ซึ่งทีมงานจะเข้าไปช่วยคิดว่าราคาเหมาะสมหรือไม่ และเมื่อชาวบ้านกำหนดราคาแล้วส่วนของ Local Alike จะนำมา  บวกค่าทำการตลาดและกำหนดราคาที่นำไปเสนอขายแก่ลูกค้าบนหน้าเว็บไซต์

“เราพยายามทำให้ช่องวางระหว่างคนเมืองกับคนชนบทแคบลงไปด้วยการสร้างมุมมอง ใหม่ให้กับคนเมืองที่เห็นว่าการศึกษาอาจทำให้อยู่รอดได้ในเมือง แต่ในชนบทประสบการณ์ชีวิตคือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตอยู่รอด ดังนั้นเราจึงพยายามนำเรื่องการบริหารจัดการแบบยั่งยืนกับความรู้ที่ชุมชนมี เรื่องการบริหารจัดการตัวเองมารวมกันเพื่อสร้างสิ่งที่เป็นมูลค่าขึ้นมา”

โมเดลธุรกิจเพื่อสังคม
การแบ่งส่วนงานของ Local Alike ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

  1. การลงพื้นที่ทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อให้ได้ผลผลิตเป็นแพ็กเกจทัวร์ที่จะนำมา เสนอขายบนเว็บไซต์
  2. ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงลึกเรื่องการพัฒนาชุมชนโดยนำเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวมาพัฒนาชุมชน
  3. การนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาและต่อยอดให้กับธุรกิจ ซึ่งนอกจากเว็บไซต์แล้วตอนนี้กำลังพัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชั่นเพื่อให้การ เชื่อมต่อด้านการท่องเที่ยวง่ายขึ้น
  4. การจัดกิจกรรมพิเศษเฉพาะกิจขึ้น เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อสังคม พานักท่องเที่ยวไปดูกิจกรรมเพื่อสังคมตามจังหวัดต่างๆ เป็นต้น

ความแตกต่างจากบริษัททัวร์คือ Local Alike จะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่อยู่ในชุมชนนั้นเลย ซึ่งการท่องเที่ยวแต่ละที่จะขึ้นกับบริบทของชุมชนเป็นหลัก ดังนั้น จึงทำการเข้าไปอยู่กับชาวบ้านเพื่อสำรวจว่าอะไรคือสิ่งที่เขาอยากได้ ต่อจากนั้นจะทำการพูดคุยกับชาวบ้านว่าอะไรเป็นเสน่ห์และนำมาต่อยอดให้กับชุมชนได้ หรืออะไรควรปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการช่วยให้เขาหัดวางแผนโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง

หลังจากนั้นจะทำการทดสอบทริปที่ออกแบบไว้โดยนำนักท่องเที่ยวเข้าไปและมีทีมงาน Local Alike เป็นผู้สังเกตการณ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแสดงความคิดเห็นต่อการจัดทัวร์แก่ชาวบ้านโดยตรงเมื่อจบการทดสอบและผลตอบรับดีจะทำการอัพข้อมูลขึ้นหน้าเว็บไซต์เพื่อประชาสัมพันธ์ถ้ามีนักท่องเที่ยวสนใจสามารถติดต่อโดยตรงที่ชาวบ้านได้เลย

สำหรับกิจการของ Local Alike ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อมุ่งไปที่กำไรเพียงแต่จะทำอย่างไรให้สามารถดำเนินธุรกิจเลี้ยงตัวเองได้ สิ่งสำคัญคือจะต้องทำให้ Local Alike เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในเรื่องนี้มากขึ้น และขณะเดียวกันจะต้องขยายฐานชุมชนให้มากขึ้นด้วย รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายและทำให้ทุกอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ หากมีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนจะเป็นการช่วยสนับสนุนในแง่ของการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการซื้อบริการ เพื่อนำไปต่อยอดในการจัดกิจกรรมให้แก่องค์กรของตน

ตอนนี้ Local Alike มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศรวมกันกว่า 500 ราย และได้ร่วมงานกับชุมชนที่น่าสนใจอีกกว่า 15 แห่งทั่วประเทศ ส่วนแผนในอนาคตตั้งเป้าจะขยายจำนวนชุมชนออกไปทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีชุมชนที่น่าสนใจอีกกว่า 200 แห่งในประเทศไทย และอีก 1,000 แห่งทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สุรัชนา กล่าว

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

ธนาคารกรุงเทพรับสมัครสตาร์ตอัพ เข้าโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2

ธนาคารกรุงเทพร่วมกับบริษัท Nest ที่มากด้วยประสบการณ์ด้านสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค ค้นหาธุรกิจสตาร์ทอัพ 5 กลุ่ม …