ประชากรปัจจุบัน มีรสนิยมส่วนตัวสูง ใช้ชีวิตในแบบคนเมือง แบรนด์จะต้องตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจ เพื่อให้ผู้บริโภคไม่เปลี่ยนใจยุติการใช้งาน
การเกิดขึ้นของบรรดาสตาร์ทอัพ ที่พยายามครอบคลุมการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน หลายโครงการประสบความสำเร็จ แต่ก็มีที่ล้มเหลวไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งเกิดมาจากหลายสาเหตุ โดยอาจจะยังไม่ถูกกลุ่มเป้าหมายหรือพฤติกรรมของผู้ใช้งาน
ยุคของคนสังคมเมือง อินเทอร์เน็ตมีผลกับชีวิตตลอดเวลา
Trendwatching.com บริษัทระดับโลกแนะนำทิศทางการตลาดให้กับธุรกิจ ซึ่งไม่ได้เป็นเทรนด์ที่จำกัดอยู่เฉพาะแวดวงออนไลน์ ซึ่งในปีนี้ ได้มีการจัดงานสัมมนาขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำ 10 เทรนด์ ที่จะเข้ามามีผลกับการดำเนินธุรกิจในทวีปเอเชีย
อะคาเซีย เลอรอย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์กลยุทธ์จาก Trend Watching Asia Pacific กล่าวว่า ในเอเชียตอนนี้ เป็นยุคของคนเมือง อย่างในประเทศจีนที่มีประชากรจำนวนมาก 700 กว่าล้านคน หรือ 55.6% ก็มีวิถีชีวิตแบบคนเมือง ที่เข้าถึงความสะดวกทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง และติดต่อกันผ่านช่องทางออนไลน์ โดยกว่า 39% มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งบนโลกออนไลน์ที่สามารถเชื่อมต่อทุกอย่าง ลดข้อจำกัดของระยะทางให้เข้ามาใกล้กันมากขึ้น ทำให้ส่วนนี้เข้ามามีบทบาทกับชีวิต ตั้งแต่ตื่นจนถึงเข้านอน
![]() |
ฉบับที่ 215 เดือนพฤศจิกายนเจาะตลาดข้ามประเทศด้วยระบบส่งเงิน |
ผู้คนเริ่มอาศัยความเชื่อมโยงที่ง่ายขึ้นของโลกอินเทอร์เน็ตในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงภาครัฐและเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเท่านั้น จากการสำรวจพบว่า 73% ของผู้ตอบคำถามไม่เชื่อว่า รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาสังคมได้ และ 82% ระบุว่า อยากให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
สำหรับเทรนด์ที่จะนำมาปรับใช้กับธุรกิจของทวีปเอเชีย สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 5 เทรนด์ ที่มาจากปัจจัยทางด้านพฤติกรรม ที่ส่งผลถึงความต้องการต่างๆ ว่าต้องรวดเร็ว เข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างดีที่สุด และอีก 5 เทรนด์ จากปัจจัยทางเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพัฒนาต่อยอดความสามารถของการทำงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยมีเวลาเป็นตัวแปรสำคัญ
ในด้านพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของชาวเอเชีย อะคเซีย กล่าวว่า ชั่วโมงการทำงานของคนหลายประเทศในทวีปเอเชียถือว่า ติดอับดับต้นๆ ของโลก ซึ่งกรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 5 โดยมีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย 42.1 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ รวมถึงยังเป็นเมืองที่มีรถติดเป็นเวลานานติดอับดับอีกเช่นกัน ทำให้เห็นว่า เรื่องของเวลานับเป็นปัญหาสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมาก ทำให้เทรนด์ที่ใช้งานได้ในทันที คือ ข้อที่ 1 วิถีชีวิตแบบไม่หลับใหล (All Hours Access) และเรื่องของการใช้ชีวิตตามความต้องการ (Life On-demand)
เรื่องเวลาในการทำงานปัจจุบัน ไม่ได้ถูกกำหนดตายตัวว่าเป็นเวลากี่โมงถึงกี่โมง แล้วเสร็จไป แต่มีความยืดหยุ่น อาทิ การติดต่อสื่อสารข้ามทวีป จำเป็นต้องประสานงานในเรื่องต่างๆ ในยามค่ำคืน ทำให้หลายคนต้องใช้เวลาทำงานแบบไม่แน่นอนใน 24 ชั่วโมง และพฤติกรรมของผู้คน ก็เลือกสถานที่นอกบ้านในการทำงาน มากกว่าการอยู่ในบ้าน เห็นได้ว่า ตรงนี้เป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยปัจจุบันอาจจะยังมีผู้ให้บริการลักษณะนี้ไม่มากเท่าที่ควร และจะยินดีเข้าใช้งานหากมีพื้นที่บริการ 24 ชั่วโมง เปิดในบริเวณใกล้แหล่งพักอาศัย
เวลานับเป็นปัญหาสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมาก ทำให้เทรนด์ที่ใช้งานได้ในทันที คือ วิถีชีวิตแบบไม่หลับใหล (All Hours Access)
นอกจากโลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วแล้ว คนก็เปลี่ยนเช่นเดียวกัน เทรนด์ข้อที่ 2 คือ เรื่องของการใช้ชีวิตตามความต้องการ (Life On-demand) เกิดจากวัฒนธรรมแบ่งปัน หรือเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) ทำให้ทุกคนเข้าถึงสิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของอีกต่อไป การเช่าสินค้าและบริการต่างๆ จึงตอบโจทย์ตรงนี้มากขึ้น อย่างที่เห็นในตอนนี้ ก็มีทั้งบริการเช่ารถยนต์ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคุณเบื่อหรือต้องการเปลี่ยน จะไม่ต้องกังวลใจในการหาที่กำจัดสิ่งเหล่านี้ ในขณะเดียวกันสามารถจำกัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยตัวเอง และไม่เป็นเงินก้อนใหญ่ที่จะจมลงไป ทั้งนี้อีกทั้ง 2 เทรนด์ ด้านพฤติกรรม อย่างการหารายได้โดยไม่ต้องลงแรง (Effect-less Earning) การหดขอบเขตระหว่างประเทศ (Borders Breached) ก็ยังคงมีความสำคัญแต่อาจจะต้องใช้เวลา เพื่อหารือร่วมกันกับอีกหลายๆ ฝ่าย เทรนด์สุดท้ายว่าด้วย ความรับผิดชอบจากฝั่งธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจและเลือกใช้แบรนด์
ประสบการณ์ใหม่จากเทคโนโลยี ดึงดูดผู้ใช้งานได้มากขึ้น
ถ้าเทียบการใช้เทคโนโลยีในปีนี้ กับ 5 ปีที่แล้ว คงเห็นได้ชัดว่า มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายและรวดเร็ว นอกจากทุกอย่างจะถูกย่อส่วนลงมาอยู่บนมือถือแล้ว เทรนด์ทางเทคโนโลยีที่ปฏิเสธไม่ได้ข้อแรกคือ แอพพลิเคชั่นส่งข้อความ เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง (Message Control) ปัจจุบันพัฒนามาถึงยุคของแอพฯ แชต ที่สามารถชำระเงินได้อย่าง We Chat ก็ยังมีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกและตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยี ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันออกมาเป็นระยะ
เทรนด์อีกสองข้อถัดมา มีรูปแบบเดียวกัน อย่างการสร้างโลกเสมือนจริง (Virtual Safe Heaven) และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านโลกเสมือนจริง (Virtual Experience Economy) ก็มีกรณีที่เห็นและเกิดขึ้นจริง อย่างปรากฏการณ์ Pokemon Go ที่นำโลกของเกมมาทับซ้อนโลกความเป็นจริง และประสบความสำเร็จไปทั่วโลก นับว่าเป็นกรณีที่น่าสนใจและจับคู่กันได้อย่างลงตัว ถึงกับมีบริการรับจ้างพาจับโปเกม่อน ทำให้เห็นว่าผู้คนสนใจในเทคโนโลยีทางด้านภาพเสมือนจริง ประกอบกับการเข้ามาของ Virtual Reality (VR) ที่อยู่ใกล้ตัวมากขึ้น สามารถสัมผัสได้ด้วยราคาย่อมเยา แต่ประสบการณ์ที่ได้ มีความน่าตื่นตาตื่นใจ
“การสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ (Human Renewed) ที่หลายๆ ธุรกิจเริ่มนำมาใช้ มีความฉลาด ทั้งยังพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีกับธุรกิจที่สามารถลดกำลังคนและจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มนุษย์อย่างเราๆ เกิดความกลัวเหมือนกับยุคที่มีเครื่องจักรไอน้ำ ก็กลัวว่าเครื่องจักรจะมาแทนที่งานของทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ เราเองก็จะมีงานใหม่ ด้วยโอกาสจากการทำงานของ AI อย่างแน่นอน”
คงจะเห็นได้ว่า ผู้คนต่างต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตัวเอง โดยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อีกต่อไป ทางด้านธุรกิจก็ต้องเรียนรู้เรื่องของพฤติกรรมและความต้องการต่างๆ ให้มากขึ้น
เทรนด์ที่กล่าวมานี้ อาจจะเป็นเพียงส่วนน้อยในภาพรวมพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ คงไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้มีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นอกจากธุรกิจที่จับจุดได้ไวและตอบสนองผู้ใช้งานได้จริง จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้แล้ว อีกส่วนที่สำคัญคือ การเป็นธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค เพื่อรักษาแบรนด์ให้อยู่อย่างยั่งยืนด้วย