Drivemate แบ่งปันการใช้งาน บริการรับฝาก-เช่ารถออนไลน์

ศิลป์รัฐ สุขวัฒนศิริ

อย่างที่ทราบกันดีว่าคนมีรถนั้นมักมีค่าใช้จ่ายตามมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าประกันต่อปี ค่าบำรุง ค่าภาษี เป็นต้น ทุกอย่างล้วนเป็นรายจ่ายที่สูงทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากการใช้งานรถที่อยู่ราว 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น อีกทั้งค่าเฉลี่ยของรถที่จอดทิ้งไว้โดยไม่ถูกใช้งานมากถึง 19 ชั่วโมงต่อวัน หากเทียบดูแล้วรถมีราคาสูงเท่ากับราคาบ้านแต่การใช้งานไม่คุ้มกับมูลค่าที่ควรจะเป็น

ช่องทางเพิ่มรายได้ของคนมีรถ ตามเทรนด์ Sharing Economy
จากปัญหาข้างต้นนี้ทำให้ ศิลป์รัฐ สุขวัฒนศิริ และธัญญธร ฐิติเศรณี ผู้บริหาร บริษัท ไดร์ฟเมท จำกัด เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงอยากช่วยให้คนที่มีรถสามารถสร้างรายได้จากรถของตนเอง โดยใช้เวลาศึกษาข้อมูลประมาณ 10 เดือน จนเปิดเป็นเว็บไซต์ Drivematethailand.com สำหรับเช่ารถออนไลน์ ให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับดี ทั้งตัวผู้ปล่อยให้เช่ารถและตัวผู้เช่า

“ผมเห็นโมเดลธุรกิจมาจากต่างประเทศ ซึ่งเขามีการแชร์รถกันเป็นจำนวนมาก รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะประเทศไทยยังไม่มี ทั้งธุรกิจแบบ Sharing Economy กำลังเป็นที่นิยม ตลาดต่างประเทศเริ่มมีมาสักพักแล้ว แต่สำหรับตลาดในไทยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก เราจึงนำมาพัฒนาใช้สำหรับคนไทยจนกลายเป็นเจ้าแรกของธุรกิจเช่ารถออนไลน์” ศิลป์รัฐ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจ

ทั้งนี้ สถานการณ์ตลาดเศรษฐกิจยุคแบ่งปัน หรือที่เรียกกันว่า Sharing Economy ซึ่งกำลังถูกพูดถึงวงกว้างในยุคดิจิทัล เนื่องจากผู้คนจำนวนมากหันมาเข้าถึงสินค้าและบริการด้วยการเช่า-ยืม แทนการซื้อไว้เพื่อครอบครอง ซึ่งรายได้รวมของตลาด Sharing Economy ทั่วโลกในปี 2558 เติบโตถึง 11 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจเช่ารถมีแนวโน้มการเติบโตมากขึ้นในระยะข้างหน้า อีกสักพักจะเข้ามาทดแทนในรูปแบบเดิม และกลายเป็นคอมมูนิตี้ Sharing Economy ในอีกไม่ช้า

ธัญญธร ฐิติเศรณี

กำหนดมาตรฐานการเช่ารถ เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้ปล่อยเช่าและผู้เช่า
หลังจากเปิดให้บริการมีคนลงทะเบียนใช้งานในเว็บไซต์ทั้งผู้ปล่อยเช่าและผู้เช่าประมาณ 300 ราย ส่วนรถที่ปล่อยให้เช่าอยู่ที่ 150 คัน มีตั้งแต่รถประเภทอีโคคาร์ไปจนถึงซุปเปอร์คาร์ ซึ่งบริษัทกำหนดอายุการใช้งานของรถยนต์ในการปล่อยเช่าต้องไม่เกิน 7 ปี และวิ่งไม่เกิน 1 แสน กิโลเมตร รถยนต์ที่ปล่อยเช่านั้นต้องสามารถใช้งานได้จริง และขับขี่ได้อย่างไร้กังวล

“เราร่วมมือกับพาร์ตเนอร์สำหรับตรวจสภาพรถยนต์ เพื่อให้รถที่เข้าร่วมกับเราสามารถเข้าไปตรวจสภาพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเราจะตรวจสอบจากใบแจ้งการตรวจสภาพเรียบร้อยแล้วก่อนปล่อยให้เช่า เพื่อเป็นเครื่องกะรันตรีว่ารถของเรานั้นได้มาตรฐาน และมีสภาพการใช้งานที่ดีก่อนถึงมือผู้เช่า” ธัญญธร กล่าวเสริม

สำหรับผู้เช่าสามารถเข้ามาเลือกรถยนต์ได้เหมือนกับการจองโรงแรม โดยเลือกจังหวัดในพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน เลือกระยะวันเวลาในการเช่าพร้อมวันส่งคืน จากนั้นจะมีโหมดให้เลือกประเภทรถยนต์ตามจำนวนรถในพื้นที่ ซึ่งจะมีรายละเอียดทั้งข้อมูล รูปรถ และราคาปล่อยเช่า หากตัดสินใจเช่ารถ ผู้เช่าจะต้องถ่ายเอกสารประวัติส่วนตัวเพื่อให้บริษัทตรวจสอบและรอผลอนุมัติ

เมื่อมีการตกลงเช่ารถ ผู้ปล่อยเช่าจะต้องปริ้นต์เอกสารสัญญาการเช่าจากหน้าเว็บไซต์ในวันนัดรับรถ ส่วนผู้เช่าต้องเตรียมบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือเอกสารอื่นๆ มาในวันรับรถให้กับผู้ปล่อยเช่า การเติมน้ำมันผู้ปล่อยเช่าต้องเติมให้เต็มถังก่อนส่งรถ และเมื่อถึงกำหนดคืนรถผู้เช่าต้องเติมให้เต็มถังก่อนส่งคืนเช่นกัน

ศิลป์รัฐ ยังอธิบายในส่วนของราคาเช่าว่า “เริ่มต้นตั้งแต่คันละ 500 – 200,000 บาท ซึ่งเรามีราคาแนะนำสำหรับผู้ปล่อยเช่าในการตั้งราคา ทุกคนสามารถนำรถยนต์ทุกรุ่นมาปล่อยได้อย่างอิสระเสรี โดยเราอยากให้มีรถหลากหลายประเภท หรือรถแปลกๆ หายาก ให้ผู้เช่าสามารถเข้าถึงรถเหล่านั้นได้ อีกทั้งผู้เช่าไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์รับรถ แต่สามารถรับที่ไหนก็ได้ตามความสะดวก โดยทางเรามีพนักงานรับ-ส่งรถถึงที่”

นอกจากนี้ ยังมีระบบ GPS บนรถยนต์ ซึ่งเจ้าของรถสามารถตรวจสอบได้ว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน พร้อมมาตรการหลังคืนรถ หากมีสภาพสกปรกจะมีค่าปรับภายนอก 300 บาท ภายในรถ 300 บาท หรือหากมีอะไรเสียหายผู้ปล่อยเช่าสามารถนำรถไปยังศูนย์บริการรถและนำใบเสร็จเก็บค่าซ่อมกับผู้เช่าได้

ตลาดเช่ารถมีการแข่งขันสูงความไว้วางใจสำคัญต่อธุรกิจ
ปัจจุบัน ตลาดเช่ารถออฟไลน์มีการแข่งขันกันสูงมากอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยตลาดเช่ารถมีทิศทางการเติบโตไปตามตลาดท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ตลาดเช่ารถโตตามไปด้วย ทั้งนี้ ตั้งเป้าภายใน 3 ปีแรก คาดว่าสามารถแบ่งสัดส่วนของตลาดมาได้ 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งภายในสิ้นปีเชื่อว่าจะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นประมาณ 1,500 คน ส่วนจำนวนรถตั้งเป้าอยู่ที่ 600 คัน

ทั้งนี้ บริการดังกล่าวจะหักค่าบริการเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ปล่อยเช่าจะได้เงิน 80 เปอร์เซ็นต์จากราคาเช่า โดยขณะนี้เปิดให้บริการในพื้นที่ 12 จังหวัด และจะขยายไปทั่วประเทศในไม่ช้า อีกทั้งยังมองถึงกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติที่ต้องการรถยนต์สำหรับท่องเที่ยวในอนาคตอีกด้วย

	ฉบับที่ 214 เดือนตุลาคม AI สำหรับแบรนด์ ผู้ช่วยในยุค IoT

นอกจากนี้ ยังมี LMG Insurance ประกันชั้น 1 สำหรับผู้ใช้บริการโดยมีวงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งช่วยคุ้มครองผู้ปล่อยเช่าอุ่นใจได้ว่าหากมีการชน หรือมีจุดที่เสียหายเกี่ยวกับรถสามารถเคลมได้ทันที ส่วนผู้เช่ารถเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นหากเป็นฝ่ายผิดต้องเสียค่าดีดัก 3,000 บาท อีกทั้งในอนาคตจะมีการเพิ่มระบบเช่ารถพร้อมคนขับ และศูนย์บริการรถตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ ซึ่งจะทำให้สะดวกในการตรวจสภาพรถได้ง่ายขึ้น

สองผู้บริหารยังกล่าวตรงกันอีกว่า “การปล่อยรถให้เช่าจะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่เสียงานประจำ อีกทั้งการแชร์รถ 1 คัน จะช่วยลดจำนวนรถบนท้องถนนไปได้ถึง 10 คัน ทำให้ปริมาณรถติดน้อยลง ซึ่งช่วยแก้ปัญญาเรื่องนี้ได้มาก และยังสามารถช่วยรถมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย”

ความไว้วางใจถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจแบบ Sharing Economy ที่ผูกติดไปกับเรื่องความปลอดภัย โดยเน้นการแชร์ หรือแบ่งปันทรัพยากรผ่านอินเทอร์เน็ตให้กับคนแปลกหน้า ดังนั้น ผู้ประกอบการควรสร้างมาตรการความไว้วางใจต่อการให้บริการในอนาคต ทั้งนี้นอกเหนือจากรถยนต์แล้ว เชื่อว่าผู้บริโภคจะมีการแบ่งปันหรือใช้ทรัพยากรอื่นๆ ร่วมกันเพิ่มมากขึ้นแน่นอน