ตลาดวิดีโอสตรีมมิ่ง แข่งขันคอนเทนต์ร้อนแรง

ดูหนังออนไลน์ เผยชื่อใหม่ MONOMAXXX พร้อมเสนอคอนเทนต์ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่ภาพยนตร์ แต่ยังรวบรวมเอาคอนเทนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ามาให้บริการ รีแบรนด์ธุรกิจเพื่อให้แบรนด์เชื่อมโยงกับบริษัทแม่อย่าง MonoGroup

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน ฟิล์ม จำกัด หรือโมโน กรุ๊ป

ดูหนัง เปลี่ยนชื่อเป็น MONOMAXXX
ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน ฟิล์ม จำกัด หรือโมโน กรุ๊ป กล่าวว่า คำว่า ดูหนังออนไลน์ เป็นคำที่ถูกค้นหามากที่สุด แต่กลับพบว่าเป็นเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายเสียส่วนใหญ่ จึงทำให้ไม่เป็นที่จดจำและเกิดความสับสนกับชื่อที่ใกล้เคียงกับเว็บไซต์อื่น ทำให้ต้องรีแบรนด์ธุรกิจใหม่ในชื่อ MONOMAXXX ซึ่งปัจจุบันมีคอนเทนต์ให้เลือกชม ไม่ว่าจะเป็น หนัง, ซีรีส์, การ์ตูน, ทีวีโชว์, มิวสิควีดีโอ และสารคดี  รวมกว่า 2,800 เรื่อง หรือ 5,000 ชั่วโมง และหลังจากรีแบรนด์ได้เพิ่มส่วนของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเด็ก รายการ Live Stream Event ต่างๆ  นอกจากนี้ยังมีหนังต่างประเทศ หนังนอกกระแสที่ได้รับรางวัล หนังดีที่ไม่ได้เข้าฉายในไทย เช่น The Rover, Nightcrawler, Scenic Route รวมถึงหนังที่หาดูยาก โดยสามารถดีลไว้ในมือแล้วกว่า 1 หมื่นเรื่องในปีนี้

“คอนเทนต์ของ MONOMAXXX ค่อนข้างแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ ด้วยจุดเด่นที่มีสัดส่วนคอนเทนต์ระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น ซีรี่ส์เอเชีย (Action-อิทธิฤทธิ์) หรือคอนเทนต์การ์ตูนที่หลากหลาย และในกลางปีนี้จะมีการนำหนัง Block Bluster จากค่ายหนังใหญ่ สหมงคลฟิล์ม เช่น Transcendence, Insurgent, Pompeii Now You See Me, The Hunger Games, John Wick, Texas chainsaw 3D, Tarzan, Samurai x (japan movie) หรือกลุ่มซีรี่ส์ เช่น Cosmetology High,  The Eight Fairies, Yong Chun, น้ำใสใจจริง, รูมเมท มาให้บริการเพิ่มเติมอีกด้วย” ปฐมพงศ์ กล่าว

ดันยอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย
สำหรับมูลค่าของตลาดดูหนังออนไลน์สัดส่วนอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 500 ล้านบาท จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยในปี 2558 ที่มีมูลค่าประมาณ  5,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าที่แท้จริงยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ทำให้ MONOMAXXX เชื่อว่าเป็นโอกาสที่จะสามารถเพิ่มยอดสมาชิกจาก 1 ล้านราย เป็น 2 ล้านรายในปีนี้ ซึ่งกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าที่ใช้งานและสมัครแพ็กเกจมากกว่า 3 เดือน

“ในปีนี้เราต้องการขยายฐานผู้ใช้งานไปที่กลุ่มหัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่ง่ายและสะดวก ทั้งการทำรายการหน้าเว็บฯ ออนไลน์ จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่น ร้านสะดวกซื้อ (7-11, เทสโก้ โลตัส, ร้านแบล็คชีฟ), ร้านหนังสือ (ซีเอ็ด, นายอินทร์) 3BB Shop และผ่านเโอเปอเรเตอร์ทุกค่าย รวมถึงการออกโรดโชว์ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าด้วยปัจจัยหนุนจากการที่ผู้ให้บริการเครือข่ายเปิดให้บริการ 4G ในปีนี้  รวมถึงราคาสมาร์ทโฟนหรือสมาร์ททีวีที่ถูกลง เป็นปัจจัยสำคัญต่อการให้บริการดูหนังออนไลน์เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ผู้ใช้งานส่วนใหญ่นิยมดูผ่านสมาร์ทโฟน 60 เปอร์เซ็นต์ สมาร์ททีวี 30 เปอร์เซ็นต์ และออนไลน์ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเชื่อว่าสัดส่วนของผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก” ปฐมพงศ์ กล่าว

		ฉบับที่ 206 เดือนกุมภาพันธ์ การแข่งขันบริการ Streaming บน 4G

ตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งคึกคัก
สำหรับธุรกิจบริการวิดีโอออนไลน์ในปี 2016 คาดว่าจะมีความตื่นตัวมากขึ้น ด้วยมีผู้ให้บริการหลายรายเข้ามาในตลาด ประกอบกับการที่ประเทศไทยเปิดให้ใช้ 4G และบริการดูหนังออนไลน์ก็เป็นหนึ่งในบริการที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 500 ล้านบาท ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงส่งผลให้การแข่งขันค่อนข้างร้อนแรง

“การที่มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดหลายรายทำให้อุตสาหกรรมวิดีโอสตรีมมิ่งมีความคึกคักขึ้น ซึ่งเชื่อว่าสุดท้ายแล้วทุกๆ รายอาจจะต้องหันกลับมามองว่าตนเองขายอะไรอยู่ และมีจุดเด่นหรือไม่ เนื่องจากเจ้าของคอนเทนต์หลายรายนั้นได้ขายคอนเทนต์แบบ Non-exclusive จึงอาจส่งผลให้ผู้บริการบางรายมีคอนเทนต์ที่เหมือนกัน ดังนั้นหากผู้ให้บริการไม่สามารถสร้างจุดเด่นและความแตกต่างจากราย อื่นๆได้ชัดเจน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาได้ในระยะยาว ซึ่งใน 3-4 ปีข้างหน้าเราอาจเห็นบางเจ้าต้องถอย หรือซื้อคอนเทนต์น้อยลง ส่วนเรื่องราคาแพ็กเกจ ขณะนี้อาจจะยังไม่เห็นความแตกต่างด้านราคามากนัก เนื่องจากอยู่ในช่วง 99-199 บาท แต่ในอนาคตมองว่าผู้ให้บริการจะมีการทำแพ็กเกจออกมาหลายระดับราคามากขึ้น เช่น ราคาพรีเมียมสำหรับสิทธิ์ในการชมภาพยนตร์ออกโรงก่อนใคร หรือคอนเทนต์ Exclusive หรือแพ็กเกจดูหนัง-ซีรี่ส์ที่แยกออกจากกัน แต่อย่างไรก็ตาม MONOMAXXX ยังจะทำแพ็กเกจราคาเดียว เนื่องจากมองว่าเป็นผลประโยชน์ต่อผู้บริโภค” ปฐมพงศ์ กล่าว

แอพพลิเคชั่น MONOMAXXX

เจ้าของคอนเทนต์หลายรายได้ขายคอนเทนต์แบบ Non-exclusive จึงอาจส่งผลให้ผู้บริการบางรายมีคอนเทนต์ที่เหมือนกัน หากผู้ให้บริการไม่สามารถสร้างจุดเด่นและความแตกต่างจากรายอื่นๆ ได้ชัดเจน

ด้วยความนิยมเป็นจำนวนมากของคนดู ทำให้มีผู้เล่นรายอื่นๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งกันอย่างคึกคัก อาทิ

• HOOQ บริษัทร่วมทุนจากความร่วมมือของสิงเทล โซนี่ พิคเจอร์ส เทเลวิชั่น และวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เป็นผู้ให้บริการวิดีโอในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีภาพยนตร์และซีรี่ส์จากไทยและฮอลลีวูด จากค่ายโซนี่ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสนีย์ ดรีมเวิร์กส จีทีเอส สหมงคลฟิล์ม ไฟว์สตาร์ และทีไอจีเอ
• PrimeTime บริการภาพยนตร์และซีรี่ส์จาก 6 ค่ายชั้นนำของฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น Walt Disney, Warner Bros, 20th Century Fox , Paramount, NBC Universal และ Sony Pictures รวมถึงภาพยนตร์และซีรี่ส์ไทย
• Iflix บริษัทที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มนักลงทุนระดับภูมิภาค Catcha Group และ บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ในฮอลลีวูด Evolution Media Capital ให้บริการดูภาพยนตร์ ซีรี่ส์ และการ์ตูนทั้งจากไทยและต่างประเทศ
• Hollywood HD บริการดูภาพยนตร์และซีรีส์จาก 6 ค่ายหนังชั้นนำจากฮอลลีวูด ได้แก่ Walt Disney, Warner Bros, 20th Century Fox, Paramount, Universal และ Sony Pictures รวมไปถึงมีภาพยนตร์ไทย และการ์ตูนอีกด้วย
• LINE TV บริการรวมความบันเทิงทั้งซีรี่ส์ ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงคอนเทนต์พิเศษที่สามารถรับชมได้ที่ LINE TV ที่เดียวฟรี โดยมีจับมือกับพันธมิตร GMM Grammy, GMM TV, เวิร์คพอยท์, วิทิตา แอนนิเมชั่น, ไทยรัฐทีวี, GTH, ทรูวิชั่นส์, ทรูมิวสิค เสือร้องไห้ แพรี่พาย เฟดเฟ่ และอื่นๆ

นอกจากผู้ให้บริการที่กล่าวมาแล้ว ล่าสุด Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลก ได้เข้ามาเปิดตลาดในไทย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม 130 ประเทศที่ Netflix เข้ามาบุกตลาด ทั้งนี้เชื่อว่าในปีนี้จะได้เห็นการแข่งขันของตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งที่มีความรุนแรงมากขึ้นแน่นอน