Innovation

ทิศทางเกมยุคหน้า: พูดกับ AI ไม่ซ้ำซาก, ช่วยสร้างฉาก-เสียงสมจริง, ขอใช้ซีพียูบนคลาวด์ได้มากขึ้น

เกมยุคต่อไป เสียงพูดและบรรยายจะสมจริงไม่ซ้ำซาก ฉากก็จะเปลี่ยนแปลงสมจริงหลากหลาย และยังแบ่งใช้พลัง cpu บนคลาวด์ได้มากขึ้น

ตู้ ATM คิดกล้อง AI -ใช้จับแว่นดำหรือหมวก, เตือนคนโทรไปโอนไป, และใช้หาคนร้าย

เปิดตัวตู้ atm ติดกล้อง ai ไว้เตือนถ้าคนมากดตังค์ใส่แวง่นดำหรือหมวก หรือกำลังโทรโอนเงินให้คนอื่น หรือใช้หาผู้ร้าย…

แอพแท็กซี่ในอเมริกา พากันออกโปรฯวันเลือกตั้ง

หลายๆแอพเรียกรถแท็กซี่ในอเมริกา ออกโปรฯลดราคาวันเลือกตั้ง สส. เช่นให้ส่วนลดทุกคันในช่วงเวลาเข้าคูหา, ลดราคาถ้าไปลง ณ หน่วยเลือกตั้ง, แจกรางวัลคนขับกระตุ้นให้ออกไปทำงานกันมากๆ, ฯลฯ

มรดกดิจิทัล : ตายแล้ว (เฟซบุ๊ก ไอจี อีเมล ฯลฯ) ไปไหน?

เคยมีปราชญ์ชาวตะวันตกท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “สองสิ่งที่เราหนีไม่พ้นคือ ภาษี และ ความตาย” อย่างแรกเราจะไม่พูดถึง เพราะไม่ตรงกับชื่อหัวข้อ (ฮาฮา) แต่เราจะเน้นประเด็นที่สอง ซึ่งแน่นอนว่าความตายเป็นสิ่งลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าตายแล้วไปไหน? ตายแล้วจะมีอากงกับอาม่ามายืนยิ้มต้อนรับหรือที่เคยเห็นในหนังหรือเปล่า? หรือลูกหลานจะตบตีแย่งชิงทรัพย์สมบัติเหมือนที่เคยเห็นในข่าวหรือไม่? และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการแย่งมรดกกันจนบ้านแตก หลายคนจึงเลือกที่จะทำ “พินัยกรรม” เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงว่าทรัพย์สินก้อนนั้นชิ้นนี้จะตกเป็นของลูกหลานคนนั้นคนนี้เมื่อเราลาโลกไปพบยมบาลแล้ว

เมื่อก่อนสินทรัพย์ที่เรามีอยู่มักเป็นสิ่งที่ “จับต้องได้” ไม่ว่าจะเป็นเงิน ที่ดิน สิ่งของ แต่ในยุคปัจจุบันเราต่างสร้างหรือมี “สินทรัพย์ดิจิทัล” กันคนละไม่ใช่น้อย ทั้งบัญชีใช้งานโซเชียลมีเดีย บัญชีเงินฝาก/หุ้น/กองทุน/บิตคอยน์ ที่เราเคยสร้างไว้เม้มเงินไม่ให้ใครรู้ อีกทั้งอีเมล บล็อก เว็บไซต์ และบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Spotify ฯลฯ เคยลองคิดกันเล่น ๆ ไหมครับว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งเหล่านั้นหลังจากที่เรามีอันเป็นไป?

วัตถุประสงค์ของบทความนี้จึงเป็นการ “สร้างความตระหนัก” ของการจัดการมรดกทางดิจิทัล และนำเสนอไกด์ไลน์สั้น ๆ อ่านเข้าใจง่ายเกี่ยวกับวิธีจัดการที่ใครก็ทำได้ โดยแบ่งสินทรัพย์ดังกล่าวเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน 2) บัญชีเงินฝากออนไลน์ และที่เกี่ยวกับการเงิน 3) บัญชีอีเมลและโซเชียลมีเดีย …

NVIDIA จับมือ Volvo พัฒนาระบบรถไร้คนขับ

NVIDIA ร่วมมือกับบริษัทรถ Volvo, และบริษัท Zenuity ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาระบบช่วยขับขี่ ร่วมกันสร้างระบบรถไร้คนขับระดับ 4 โดยจะวางตลาดในปี 2021 หรืออีกราว 3 ปีข้างหน้า