Weloveshopping แหล่งนัดพบใหม่ร้านออนไลน์

หากผู้ขายสินค้าต้องการจะทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ก็จะไปใช้บริการจากผู้ให้บริการเปิดหน้าร้านออนไลน์ ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมถึงการให้บริการการทำการตลาดออนไลน์ และบริการการรับชำระเงิน ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกและมีความเชื่อมั่นน้อยลง

วีรวัฒน์ หงษ์สิทธิวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนต์ คอมเมิร์ซ จำกัด

วีรวัฒน์ หงษ์สิทธิวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนต์ คอมเมิร์ซ จำกัด

“เคสที่บอกว่าโอนเงินไปแล้วไม่ได้ของ หรือสั่งซื้อ iPhone แต่ได้หิน พวกนี้ก็จะไม่เกิดกับ Weloveshopping หรือถ้าเกิดก็สามารถที่จะขอเงินคืนได้ หรือแม้แต่ว่าสั่งซื้อสินค้าแล้วได้สินค้าไม่ตรงกับที่สั่ง”

เมื่ออีคอมเมิร์ซทั่วโลกกำลังมาแรง
วีรวัฒน์ หงษ์สิทธิวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนต์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันว่า ทั่วโลกในตอนนี้มีการเติบโตอย่างชัดเจนรวมถึงประเทศไทย โดยวิธีการวัดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซโตแค่ไหน คือการวัดเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อ-ขายของอีคอมเมิร์ซเทียบกับมูลค่าการซื้อ-ขายที่เป็นค้าปลีกทั้งหมด อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องอีคอมเมิร์ซที่มีอเมซอน อีเบย์ ฯลฯ ก็อยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ หรืออย่างประเทศจีนที่มีอาลีบาบา เต๋าเบ่า ฯลฯ ก็อยู่ที่ประมาณ 8-10 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าในเมืองไทย ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

“เทรนด์การเติบโตในประเทศไทย หลักๆ จะมาจากในเรื่องของการใช้สมาร์ทโฟน การใช้โมบายล์อินเทอร์เน็ต จะเห็นได้ว่า เดี๋ยวนี้คนก็ใช้ LINE ใช้ Facebook ผ่านมือถือกันมากขึ้น ซึ่งอย่างหนึ่งที่เราเห็นในการใช้งานของเว็บฯ ที่เราพยายามดูสถิติตลอด เปอร์เซ็นต์คนเข้าเว็บฯ Weloveshopping ที่มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ มาจากมือถือ ฉะนั้น ในเรื่องของการทำการตลาดเพื่อดึงคนจากมือถือให้เข้ามาซื้อในเว็บไซต์ก็เป็นเทรนด์ที่สำคัญ”

วัฒนธรรมของอีคอมเมิร์ซไทยและต่างประเทศ
วีรวัฒน์ กล่าวอีกด้วยว่า ความแตกต่างของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของไทยกับที่มาจากต่างประเทศ จริงๆ แล้วในแง่ระบบนั้นแทบไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน เพราะว่าการทำเว็บไซต์ที่เป็นอีคอมเมิร์ซก็จะมีมาตรฐานอยู่แล้ว มีสิ่งที่จะต้องทำให้ระบบมีความเสถียร การทำให้ระบบใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นระบบการค้นหา ระบบการซื้อ ระบบการชำระเงิน ฯลฯ ตรงจุดนี้จะไม่ต่างกันมาก ซึ่งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของไทยก็มีมาตรฐานที่ไม่ได้ต่างกันกับของต่างประเทศมากนัก ในส่วนที่ต่างก็คือ การที่จะทำอย่างไรให้เข้าถึงคนไทยได้มากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์ของต่างประเทศจะเข้าใจไม่ได้ ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ การใส่ใจในเรื่องของ Feedback ของผู้ใช้งานให้มาก

“เราเองก็เป็นบริษัทคนไทย แต่ว่าเราก็มีคนต่างชาติเข้ามาช่วยทำงานอยู่บ้าง คือก็จะเข้ามาในเรื่องของการทำแพลตฟอร์ม แล้วก็มี Knowhow ในส่วนที่มาเสริมเราได้ ขณะที่ในส่วนของเรา เราก็มี Knowhow ของเรา และเอามารวมกันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยที่เราอยู่ในประเทศไทยเราก็จะรู้จักลูกค้ามาก แล้วก็เอาสิ่งที่เรารู้ตรงนี้บอกทางเพื่อนร่วมงานที่เป็นต่างชาติได้”

และนอกจากแพลตฟอร์มของอีคอมเมิร์ซแล้ว กลยุทธ์การตลาดหรือโปรโมชั่นต่างๆ ของไทยกับของต่างประเทศก็ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากอีกเช่นเดียวกัน เพราะการทำโปรโมชั่นก็จะเป็นแบบที่มีอยู่และเห็นได้ตามปกติ เช่น เป็นคูปอง ส่วนลด หรือว่าซื้อ 2 แถม 1 เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้ก็จะมีความคล้ายคลึงกัน

e204

ฉบับที่ 204 เดือนธันวาคม

ปรับร้านค้ายุคดิจิทัล รับเทรนด์ปี 59

พัฒนาและปรับปรุง เพื่อ Weloveshopping ที่แข็งแกร่ง
วีรวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อพูดถึง Weloveshopping เอง ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากตลอดระยะเวลา 8-9 ปี โดยการเป็นผู้นำในการให้บริการแพลตฟอร์มของอีคอมเมิร์ซสำหรับคนที่อยากจะเปิดร้านค้าออนไลน์ ในช่วงปีที่ผ่านมาก็มีแผนที่จะพัฒนาขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง และมองหาโมเดลที่น่าจะเหมาะสมสำหรับคนไทย แล้วก็ต้องเหมาะสมกับทาง Weloveshopping ที่จะให้บริการด้วย ซึ่งก็ได้ข้อสรุปออกมาเป็นมาร์เก็ตเพลส แล้วก็ชวนผู้ขายเข้ามาวางขายสินค้า จากนั้นก็ทำการตลาดเพื่อดึงผู้ซื้อเข้ามาซื้อสินค้าจากผู้ขายใน Weloveshopping โดยจะพยายามเน้นในเรื่องของการสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดระหว่างกัน เพื่อที่จะให้คนซื้อมีความมั่นใจในการซื้อสินค้าจากร้านค้าบน Weloveshopping

ระบบที่สำคัญที่นำมาใช้คือ ระบบการเป็นตัวกลางการชำระเงินแบบ Escrow โดยเมื่อผู้ซื้อโอนเงินค่าสินค้าเข้ามา เงินจะถูกเก็บไว้ในระบบก่อนจนกว่าผู้ซื้อจะแจ้งยืนยันการได้รับสินค้า ระบบจึงจะทำการส่งเงินให้แก่ผู้ขาย ซึ่งหากผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้าภายในเวลาที่กำหนด หรือได้รับสินค้าที่ต่างไปจากที่สั่งซื้อ ผู้ซื้อสามารถแจ้งผ่านทางระบบเพื่อชะลอการจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายได้ ซึ่งหลังจากการชำระเงินแล้ว ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบสถานะของการจัดส่งสินค้าผ่านระบบได้ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อ

ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท แอสเซนต์ คอมเมิร์ซ จำกัด

ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท แอสเซนต์ คอมเมิร์ซ จำกัด

นอกจากนี้ ยังสามารถให้คะแนนความพึงพอใจต่อร้านค้าหลังจากที่ได้รับสินค้าแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อคนต่อไป และจะเป็นประวัติการขายที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าในอนาคต ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบ WeTrust Guarantee เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

“ฉะนั้น ในเคสที่บอกว่าโอนเงินไปแล้วไม่ได้ของ หรือสั่งซื้อ iPhone แต่ได้หิน พวกนี้ก็จะไม่เกิดกับ Weloveshopping หรือถ้าเกิดก็สามารถที่จะขอเงินคืนได้ หรือแม้แต่ว่าสั่งซื้อสินค้าแล้วได้สินค้าไม่ตรงกับที่สั่ง อันนี้ก็สามารถที่จะเข้ามาแจ้งในระบบได้ ซึ่งในเรื่องของระบบหรือแพลตฟอร์มนั้นก็เป็นเรื่องที่เรามีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา”

ผู้ขายที่เปิดร้านค้าในระบบของ Weloveshopping จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการเปิดร้านค้า แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นตามมูลค่าสินค้า 3-13 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับหมวดของสินค้า ซึ่งนอกจากจะมีระบบต่างๆ ให้บริการแล้ว ยังมีทีมงานให้คำปรึกษาเรื่องการทำการตลาด และการจัดฝึกอบรมความรู้ในการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วย

เสริมจุดแข็งด้วยความเชี่ยวชาญ
ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท แอสเซนต์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวเสริมถึงจุดแข็งของ Weloveshopping ว่า จากการที่เปิดมาเป็นระยะเวลานานถึง 8-9 ปี จึงทำให้มีฐานลูกค้าที่เป็นร้านค้าและก็คนซื้ออยู่แล้วจำนวนหนึ่ง ตรงกันข้ามกับถ้าวันใดวันหนึ่งจะมีเจ้าใหม่เกิดขึ้นมา ก็ต้องพยายามที่จะดึงร้านค้าและผู้ซื้อเข้ามาในระบบให้ได้ อีกทั้งทีมงานของ Weloveshopping ก็มีความเข้าใจในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแพลตฟอร์ม การดูแลลูกค้า การทำอย่างไรให้ขายได้ ตรงจุดนี้ Weloveshopping มีความเชี่ยวชาญมาก

“ทีนี้ถามว่า อะไรที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ ในเรื่องความน่าถือของ Weloveshopping เอง เราก็ได้เปรียบกว่ามาร์เก็ตเพลสเจ้าอื่นด้วยระบบ WeTrust Guarantee ส่วนเรื่องของช่องทางการชำระเงิน เราได้ทำความร่วมมือกับ TrueMoney ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออยู่แล้ว และเราจะเห็นว่า TrueMoney ก็จ่ายได้หลายช่องทาง หรือเราก็ช่วยให้ร้านค้าสามารถที่จะรับชำระผ่านบัตรเครดิตได้ นั่นจึงเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อ และในขณะเดียวกันก็เพิ่มยอดขายให้กับผู้ขาย เพราะเขามีช่องทางการรับชำระเงินที่มากขึ้น”

“ต่อมาในเรื่องของการขนส่ง ทุกวันนี้เราก็มีการทำงานร่วมกันกับบริษัทพาร์ตเนอร์ที่เป็นบริษัทให้บริการทางด้าน Logistic ไม่ว่าจะเป็นไปรษณีย์ไทย หรือบริษัทขนส่งเอกชน หรือรายอื่นๆ เขาเข้ามาร่วมกับเราในการที่จะพัฒนาระบบ เพื่อให้สอดคล้องกันสำหรับผู้ซื้อ เพราะว่าเขาสามารถที่จะมารู้สถานะของการส่งสินค้าผ่านระบบ Weloveshopping ได้ทันที อันนี้ก็เป็นการตอกย้ำในเรื่องของความน่าเชื่อถือ เพราะว่าทุกสินค้าก็สามารถที่จะ Track ได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นทั้งหมดในการแก้ไขปัญหาของเรา”

มุ่งสู่อนาคตแบบครบวงจร พร้อมกับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ธีรพงษ์ เผยถึงแผนต่อไปในอนาคตของ Weloveshopping ว่า เป้าหมายคือ ต้องการเป็นผู้นำในตลาดอีคอมเมิร์ซของเมืองไทย และต้องการเพิ่มความโดดเด่นของหมวดหมู่สินค้าสำหรับผู้ซื้อที่เข้ามาใช้งานให้มีความหลากหลายแล้วตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์หรือทุกคนได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะขยายตลาดไปในต่างประเทศ ทั้งในแง่ที่ว่าเป็นการช่วยผู้ขายให้สามารถที่จะขายสินค้าไปยังต่างประเทศได้ และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ซื้อที่อยู่ในเมืองไทยสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ด้วยเช่นกัน Weloveshopping ที่นอกจากเป็นผู้นำในระดับประเทศแล้ว ก็ต้องการที่จะเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคด้วย เริ่มต้นจากในแถบอาเซียนก่อน แล้วก็ขยายไปในเอเชีย และสุดท้ายก็คือ การขยายไปในระดับโลกในที่สุด

การลงทุนทั้งในส่วนของระบบอีมาร์เก็ตเพลส ระบบการรับชำระเงิน การทำการตลาด และบริการใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา ก็เพื่อให้ Weloveshopping เป็นผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซที่ครบวงจรและทันสมัยในระดับโลก และพร้อมที่จะสนับสนุนร้านค้าออนไลน์ที่มีคุณภาพให้เติบโตขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

You may be interested in

Latest post from Facebook

Related Posts

Jet.com ปรับใหญ่-สะท้อนเทรนด์เว็บช้อปปิ้งยุคนี้

เว็บช้อปปิ้ง Jet.com ปรับระบบใหม่ แสดงสินค้าต่างๆกันไปตามเมือง, ต่างกันไปตามหมวด เช่นหมวดเสื้อผ้าจะมีรูปและคลิปคนใส่จริง, และสับเปลี่ยนหน้าเว็บตามเวลากลางวัน-กลางคืนด้วย